นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างการจัดทำรูปแบบโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งเป็นการลงทุนระหว่างภาคเอกชนและชุมชน เบื้องต้นพบว่ามีพื้นที่ที่มีศักยภาพดำเนินการกำลังการผลิตรวมไม่ต่ำกว่า 1 พันเมกะวัตต์ (MW) จะผลักดันให้มีเงินลงทุนสูงถึงราว 1-2 แสนล้านบาท ซึ่งรูปแบบจะเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ต่อแห่ง ที่ผสมผสานเชื้อเพลิง (Hybrid) ระหว่างเชื้อเพลิงในท้องถิ่น เช่น ก๊าซชีวมวล ก๊าซชีวภาพ ขยะ ร่วมกับพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) เพื่อลดภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าให้ต่ำลงและยังทำให้เกิดการผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสรุปรูปแบบโรงไฟฟ้าได้ภายใน 2 เดือน
อย่างไรก็ตามขณะนี้พบว่ามีเอกชนที่สนใจร่วมโครงการจำนวนมาก โดยพื้นที่แรก ๆ ที่จะดำเนินการขึ้นกับความพร้อมของวัตถุดิบในพื้นที่ และสายส่ง รวมทั้งพื้นที่ที่ห่างไกล เช่น ชายแดน หรือ เกาะต่าง ๆ รวมทั้งพื้นที่ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร
นอกจากนี้กระทรวงพลังงานยังอยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทเชื้อเพลิงขยะ หากปริมาณเชื้อเพลิงขยะมีความพร้อมก็อยู่ในขอบข่ายโรงไฟฟ้าชุมชนดังกล่าวด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ด้วย
ทั้งนี้ นโยบายหลักของโครงการดังกล่าวคือการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะการส่งเสริมพืชพลังงานทั้งการนำไปใช้ในเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะนำไปเชื่อมต่อกับโครงการประชารัฐสร้างไทย เพื่อให้ชาวบ้านเข้มแข็งโดยเร็ว นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าชุมชนจะพิจารณาไปถึงการส่งเสริมการปลูกพืชพลังงาน พืชโตเร็ว ทดแทนการพืชที่มีราคาต่ำ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสนอทั้งการปลูกหญ้า เนเปียร์ ไผ่โตเร็ว คาดจะต้องใช้พื้นที้ปลูก 800-1,000 ไร่ ต่อกำลังผลิตไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน จะพิจารณาถึงการต่อยอด ว่าจะนำไฟฟ้าไปใช้ประโยชน์อย่างไร เช่น การลงทุนทำห้องเย็น เพื่อจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ