รมว.พาณิชย์ ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนไทย-เมียนมา เร่งลดอุปสรรคการค้า, เปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 3, 2019 16:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ที่ จ.ตาก โดยได้เปิดเผยถึงแนวทางแก้ปัญหาใน 7 ประเด็นสำคัญ คือ

1. การเร่งรัดการเปิดสะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อส่งเสริมการส่งสินค้าระหว่างไทย-เมียนมา ซึ่งวันนี้มีความชัดเจนว่าทั้งสองประเทศได้ลงนาม MOU เปิดสะพานแล้ว เมื่อวันที่ 1 ต.ค.62 ที่ผ่านมา และมีข้อตกลงว่าจะดำเนินการเปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ต.ค.62 โดยจะเร่งนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรต่อไป

2. ภาคเอกชนขอให้ขยายเวลาเปิดด่าน แม่สอด-เมียนมา จากเดิม 05.30 - 20.00 น. เป็น 05.30 น. - 24.00 น. ซึ่งเรื่องนี้ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศแจ้งว่า จะต้องมีการหารือระหว่างคณะกรรมการร่วม 2 ประเทศ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศจะนำประเด็นเข้าไปหารือและรายงานให้ รมว.ต่างประเทศ และ ครม.ต่อไป

3. การดำเนินการยกระดับ 3 ด่าน ขึ้นเป็นด่านถาวรในอนาคต ได้แก่ 1.ด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับทราบว่าทางการเมียนมาร์ ได้ให้การรับรองเรื่งอการสำรวจภูมิประเทศเสร็จสิ้นแล้ว กระทรวงการต่างประเทศจะนัดประชุม JBC ในการดำเนินการเปิดด่านต่อไป 2.ด่านต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งปัจจุบันเป็นจุดผ่อนปรนสินค้า จึงต้องการทำการสำรวจภูมิประเทศชายแดนให้เรียบร้อยก่อน ขณะนี้รอทางการเมียนมาให้ความเห็นชอบจึงจะสามารถดำเนินการได้ 3.ด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี ภาคเอกชนต้องการให้สามารถส่งสินค้าจากไทยไปเมียนมาได้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ถูกจำกัดมูลค่าไว้ที่ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อครั้ง โดยได้ขอให้ขยายเป็นไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งการจำกัดสิทธิ์ดังกล่าวเป็นประกาศของกองกำลังสุรสีห์ ดังนั้น กรมการค้าต่างประเทศจะทำหนังสือขอหารือไปยังกองกำลังสุรสีห์ เพื่อให้พิจารณาขยายมูลค่าการส่งสินค้าระหว่างไทยและเมียนมา และจะได้รายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

4. ภาคเอกชนขอให้อนุญาตให้รถบรรทุกของเมียนมา ข้ามสะพานด่านแม่สอดเข้ามาถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศไทย ที่ อ.แม่สอด จ.ตากได้ เพื่อสามารถบรรทุกสินค้าไทยกลับไปเมียนมาได้สะดวกขึ้น โดยเรื่องนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รับจะไปหารือร่วมกับอธิบดีกรมขนส่งทางบก เพื่อดำเนินการให้บรรลุผลต่อไป

5. การผลักดันการตรวจหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (From D) ขอให้ทางการเมียนมาดำเนินการเรื่องเอกสาร Form D ได้อย่างรวดเร็วที่ทุกด่านที่ติดต่อกับประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้กรมการค้าต่างประเทศจะประสานกับทางการเมียนมา เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ภายในวันที่ 1 ธ.ค.62 นี้

6. การอนุญาตให้ผู้ถือ Boarding Pass ข้ามแดนไทย-เมียนมา มีความสอดคล้องเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันคนสามารถข้ามมาได้ 7 วัน แต่รถยนต์ข้ามได้เพียง 1 วัน จึงมีการเสนอให้มีการพิจารณาให้สอดคล้องโดยกำหนดวันเวลาใหม่ให้เหมาะสม ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดตากเป็นผู้รับไปพิจารณา

7. ภาคเอกชนต้องการให้มีเซ็นทรัลแล็ป ระหว่างไทย-เมียนมา โดยขอให้มีการจัดตั้งที่ อ.แม่สอด จ.ตาก (ปัจจุบันมีอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ด้วยระยะทางทำให้เกิดความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตร) หน่วยงานที่รับผิดชอบคือ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีกระทรวงการคลัง และสำนักนายกรัฐมนตรีถือหุ้นอยู่ จึงได้ขอให้กรมการค้าต่างประเทศ ทำหนังสือพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะจัดตั้งเซ็นทรัลแล็ปเพิ่มเติม ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มมูลคาสินค้าไทยและสินค้าเมียนมา รวมทั้งส่งเสริมมูลค่าการส่งออกของประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ