(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 30.47 อ่อนค่าจากวานนี้ ตลาดรอความชัดเจนการเจรจาการค้าสหรัฐและจีนสัปดาห์นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 8, 2019 13:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 30.47 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็น วานนี้ที่ระดับ 30.46 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์แข็งค่าเนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ตกต่ำของยูโรโซน แต่ปัจจัยสำคัญ ที่ตลาดจับตามองเป็นเรื่องความคืบหน้าการเจรจาลดความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในช่วงปลายสัปดาห์นี้

"บาทอ่อนค่าหลังดอลลาร์แข็งค่าเนื่องจากได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ตกต่ำของยูโรโซน แต่น่าจะอยู่ในวงจำกัด เพราะมีประเด็นสำคัญเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังไม่คลี่คลาย" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.40-30.55 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (7 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.44932% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.37318%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 30.4800 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 107.38 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 106.80 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.0970 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0976 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.4540 บาท/ดอลลาร์
  • ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ถึงผลการประชุมคณะทำงานวอร์รูมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อเตรียมความ
พร้อมรับมือกับสงครามการค้าสหรัฐกับจีนและการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ว่าที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการรับ
มือการเบี่ยงเบนทางการค้า โดยเห็นตรงกันว่าจะต้องปรับโครงสร้างประเทศด้วยการใช้โอกาสจากเงินบาทที่แข็งค่านำเข้าวัตถุดิบราคาถูก
มาผลิตเป็นสินค้าและปรับกฎระเบียบภายในให้เอื้อต่อการนำเข้า ซึ่งจะทำให้ไทยมีสินค้าศักยภาพเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น
  • เอกชนคาดสงครามการค้าและบาทแข็งพ่นพิษส่งออกอาจติดลบถึง 3% ส่งผลโรงงานเริ่มลดเวลาทำงาน หรือลดคน โดย
เฉพาะกลุ่มสินค้าที่ส่งไปจีน มีคำสั่งซื้อลดลงต่อเนื่อง องค์กรนายจ้างเผยเริ่มมีสัญญาณลดคน หรือไม่รับคนเพิ่มแล้ว ห่วงเด็กจบใหม่ปีหน้าหา
งานยาก
  • รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า การจ้างแรงงานไทยปี 63 ยังมีความ
เสี่ยงเกิดปัญหาการว่างงานมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคการส่งออก การผลิต การบริการ โลจิสติกส์ ค้าปลีกและค้าส่ง เนื่องจากได้รับผล
กระทบจากปัญหาสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว คาดว่าจะมีผลให้การส่งออกของไทยปี 62 มีโอกาสติดลบ 1.5-
2% ทำให้หลายอุตสาหกรรมปรับตัว ลดการรับแรงงานใหม่ และบางส่วนปรับใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เอไอ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยี
ต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้การจ้างงานลดลง
  • รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ประกอบการอสังหาริม
ทรัพย์เรียกร้องให้พิจารณาผ่อนผันเกณฑ์การใช้มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย(แอลทีวี)กับที่อยู่อาศัยแนวราบ โดย ธปท.ยังยืนยันว่า
การใช้มาตรการแอลทีวีที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.62 ที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่แล้ว ทั้งที่อยู่อาศัยในแนวราบ เช่น บ้านจัด
สรร และในแนวสูง เช่น คอนโดมิเนียม เป็นต้น
  • ญี่ปุ่นและสหรัฐได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) อย่างเป็นทางการแล้วในวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดว่าข้อ
ตกลงดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรของสหรัฐสามารถไต่ระดับขึ้นมาแข่งขันกับบรรดาประเทศคู่แข่งในตลาดโลกได้ ผ่านการปรับลดภาษีนำเข้า
สินค้าเกษตร
  • เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) เนื่อง
จากนักลงทุนกังวลว่า อังกฤษอาจจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง หรือ "no-deal Brexit" ขณะเดียวกันนักลงทุน
จับตารายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพุธนี้ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เช่นดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) หลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ส่งผลให้
สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีความน่าดึงดูดน้อยลง ขณะเดียวกันนักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ก่อนการเปิดเผย
รายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้
  • นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 17-18 ก.ย.ของคณะกรรมการเฟดในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทาง
อัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้
  • นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME
Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสราว 74.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่มีการ
เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดใน
เดือนก.ย.
  • นักลงทุนยังติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ โดยเจ้าหน้าที่เจรจาการค้าของจีนราว 30 คน นำ
โดยนายเหลียว หมิง รมช.คลังของจีน ได้เดินทางมายังสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เมื่อวานนี้ เพื่อทำการเจรจาการค้าเป็น
เวลา 2 วัน ก่อนที่การเจรจาระดับรัฐมนตรีของสหรัฐและจีนจะมีขึ้นในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน
  • ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.
ค., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานราย
สัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เฟ้อเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก
มหาวิทยาลัยมิชิแกน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ