ภาวะตลาดเงินบาท: ปิดตลาด 30.38 ผันผวนตามแรงซื้อขายดอลล์-เงินทุนตปท.ไหลเข้า คาดกรอบต้นสัปดาห์หน้า 30.35-30.50

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 11, 2019 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.38 บาท/ดอลลาร์ จาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.38/44 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 30.37-30.46 บาท/ดอลลาร์ เป็นการเคลื่อนไหวตามแรงซื้อขาย ดอลลาร์ และทิศทางการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ

"วันนี้บาทค่อนข้างผันผวนตามแรงซื้อแรงขายดอลลาร์ โดยเฉพาะช่วงบ่ายทยอยแข็งค่ากลับมาที่เดิม เนื่องจากมีการ ไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดกรอบเงินบาทวันอังคารจะเคลื่อนไหวในช่วง 30.35 - 30.50 บาท/ดอลลาร์

สำหรับปัจจัยที่ตลาดจับตามองในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ข้อสรุปการเจรจาคลี่คลายความขัดแยงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในคืนวันพุธ ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ ท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทยใน การดูแลค่าเงินบาท รวมถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 108.13 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 107.70/108.30 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1019 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0980/1040 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,626.00 จุด เพิ่มขึ้น 18.50 จุด, +1.15% มูลค่าการซื้อขาย 61,609.96 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 192.85 ล้านบาท (SET+MAI)
  • นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยใน
ปีนี้จะอยู่ในระดับ 3% (+/-) ส่วนที่หน่วยงานอื่นมองว่า GDP ปีนี้อาจเติบโตได้แค่ 2.7% หรือ 2.8% อาจเป็นเพราะยังไม่รวม
มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลจะดำเนินการในช่วงปลายปี ดังนั้นจึงเร็วเกินไปที่จะปรับเป้าหมาย GDP ส่วนปีหน้าคงต้องขอรอดู
สถานการณ์โลกที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้ก่อน แต่รัฐบาลก็ต้องการเลี้ยงเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
  • นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เผยการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือ
เรื่องมาตรการกระตุ้นการส่งออก รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนหมื่นล้านเพื่อช่วย SMEs
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขเงินสำรองระหว่างประเทศ วันที่ 4 ต.ค.62 อยู่ที่ 221.3 พัน
ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากวันที่ 27 ก.ย.62 อยู่ที่ 220.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันฐานะฟอร์เวิร์ดสุทธิของไทย วันที่ 4 ต.
ค.62 อยู่ที่ 33.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับวันที่ 27 ก.ย.62 อยู่ที่ 33.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินสำรองระหว่าง
ประเทศในรูปเงินบาทวันที่ 4 ต.ค.62 อยู่ที่ 6,743.1 พันล้านบาท จาก 6,749.3 พันล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ก.ย.62
  • นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันนี้ มีมติอนุมัติมาตรการ
กระตุ้นการท่องเที่ยว 16 มาตรการ โดยรอบนี้เน้นมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เพื่อให้จำนวนนักท่องเที่ยวได้ตามเป้า
39.8 ล้านคนในปีนี้ หลังช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.62) มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 26.5 ล้านคน ดังนั้นช่วง 4 เดือน
ที่เหลือยังต้องการอีกกว่า 13 ล้านคน
  • นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เผยผลสำรวจความคิดเห็นภาค
ธุรกิจและนักลงทุนในงานสัมมนาประจำปี พบว่าภาคธุรกิจและนักลงทุนหวังรัฐบาลเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยที่แรงกดดันจากปัจจัยภายนอก และการขาดปัจจัยกระตุ้นภายใน ทำให้ธุรกิจและนักลงทุนมีมุมมองต่อการทำธุรกิจของตนในช่วง
6 เดือนข้างหน้าแบบระมัดระวัง
  • ทำเนียบขาว เผยประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ จะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นผู้
นำคณะเจรจาการค้าของจีน ในวันนี้เวลา 14.45 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 01.45 น.ในวันเสาร์ตามเวลาไทย
  • นายนีล แคชคารี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีอาโพลิส คาดการณ์พื้นฐานว่าเศรษฐกิจยังคงขยาย
ตัว ไม่ใช่เศรษฐกิจถดถอย แต่มีความเสี่ยงขาลงเพิ่มขึ้น ซึ่งหากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไปอย่างที่เป็นอยู่ก็จะสนับสนุนการปรับ
ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
  • นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ ระบุเศรษฐกิจสหรัฐไม่มีแนวโน้มที่
จะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง แม้มีความเสี่ยงในปัจจุบันจากการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวก็ตาม และหากแนวโน้มเศรษฐกิจไม่ได้
เปลี่ยนแปลงอย่างมาก เฟดก็ไม่ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
  • ผู้ประท้วงชาวฮ่องกงที่สนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยจำนวนหลายร้อยคน ได้ออกมาเดินขบวนในย่านธุรกิจใจ
กลางเกาะฮ่องกงในช่วงเที่ยงวันนี้ โดยผู้ประท้วงซึ่งสวมหน้ากากได้เข้ายึดถนนสายหลักและกีดขวางการจราจร ขณะที่รัฐบาลฮ่องกง
ก็เตรียมรับมือกับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นอีกในช่วงสุดสัปดาห์
  • สัปดาห์หน้าสหรัฐฯจะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ดังนี้ ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้า

ปลีกเดือนก.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

รายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรม และอัตราการใช้กำลังการ

ผลิตเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ