ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.17 แข็งค่าทำสถิติใหม่ในรอบกว่า 6 ปี จับตาท่าทีธปท.หลังแข็งค่ากว่าภูมิภาค-รอความชัดเจนปัจจัยตปท.หลายประเด็น

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 25, 2019 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 30.17 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่เปิด ตลาดที่ระดับ 30.26 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 30.17-30.28 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้เงินบาทแข็งค่านำภูมิภาค ทำสถิติใหม่ในรอบกว่า 6 ปีนับจาก 31 พ.ค.2556 สาเหตุหลักน่าจะมาจากพอหลุดแนวรับ ทสำคัญทางเทคนิคที่ 30.26 ผู้เล่นบางส่วนอาจจะ Stop Loss ตัดขาดทุน อีกปัจจัยหนึ่งน่าจะมาจากราคาทองคำที่สามารถยืนเหนือ 1,500 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ ทำให้นักค้าทองอาจจะเทขายออกมา...ตลาดหุ้นไทยวันนี้ก็ร่วงเยอะ อาจจะต้องรอดูสรุปการการซื้อขาย หุ้นประจำวันจากทางตลาดหลักทรัพย์ว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายมาจากกลุ่มไหน"นักบริหารเงิน กล่าว

สำหรับทิศทางค่าเงินบาทยังคงต้องจับตาประเด็นสำคัญที่จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้าทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ, การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ), ตัวเลข ISM ภาคการผลิต ของสหรัฐฯ, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (Non Farm Payroll) และความชัดเจน Brexit รวมทั้งท่าทีของทางการไทยต่อทิศทางของค่าเงินบาท

เบื้องต้นประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้าไว้ระหว่าง 30.15-30.25 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.62 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 108.66 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1116 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 1.1103 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,593.28 จุด ลดลง 27.69 จุด, -1.71% มูลค่าการซื้อขาย 76,698.83 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,453.88 ลบ.(SET+MAI)
  • รองผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียและแปซิฟิก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยาย
ตัวได้ 2.9% ซึ่งเป็นการปรับประมาณการลดลงจากเดิมที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือน เม.ย.62 ที่ระดับ 3.5% เนื่องจากผลกระทบจาก
เศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากผลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ปี 63 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะ
ขยายตัวได้ราว 3%
  • รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงวิชาการเพื่อนำเสนอรายงานภาวะเศรษฐกิจการ
ท่องเที่ยวรายไตรมาส ฉบับที่ 1/2562 โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยขยาย
ตัวต่ำกว่าช่วงเดียวกันของ 2-3 ปีที่ผ่านมา อาทิ การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่สืบเนื่องจากปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา
ความไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวของไทยจากเหตุการณ์อุบัติเหตุทางเรือที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อปีที่ผ่านมา รวมถึงเหตุการณ์
ประท้วงรุนแรงถึงขั้นปิดสนามบินในฮ่องกง ภาวะเศรษฐกิจในยุโรปและหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่าง
สหรัฐอเมริกาและจีน ความไม่แน่นอนของ Brexit และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
  • รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ. พาณิชย์) ว่า ได้มีการ
แลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกระทรวงพาณิชย์หน่วยงานภาคราชการที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ในประเด็นสำคัญ คือ การเพิ่มตัวเลขการ
ส่งออก ภายใต้สถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบสงครามการค้า Brexit และ เรื่องค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่า
อย่างน้อยในช่วงระยะเวลาถ้าจากนี้ไปจะบุกตลาดไปด้วยกันทั้งภาครัฐและเอกชนใน 10 ตลาดใหญ่ที่เห็นว่ามีศักยภาพ ประกอบด้วยตลาด
จีน อินเดีย ตุรกี เยอรมัน ศรีลังกา บังคลาเทศ ตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ อังกฤษ ยุโรป เป็นต้น
  • ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในเดือนกันยายน 2562
จำนวนผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ทั้งประเภทพิโกไฟแนนซ์
และประเภทพิโกพลัส ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 จนถึง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 มีนิติบุคคลยื่นคำขออนุญาต ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้งประเภทพิโกไฟแนนซ์ และประเภทพิโกพลัส รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,213 ราย ใน 76 จังหวัด

  • สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่ด้านการค้าระดับสูงของสหรัฐและจีนจะหารือเกี่ยวกับแผนการต่างๆ
ในวันนี้ ในประเด็นที่จีนจะซื้อผลิตภัณฑ์เกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกัน จีนจะเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน
ที่วางแผนไว้และที่มีอยู่แล้ว
  • ผู้แทนของสหภาพยุโรป (EU) เตรียมหารือในประเด็นระยะเวลาของการขยายเส้นตายการถอนตัวของอังกฤษออกจาก
สหภาพยุโรป (Brexit) ที่จะมีการนำเสนอต่ออังกฤษ ในขณะที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เรียกร้องให้รัฐสภาอังกฤษ
จัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 12 ธ.ค.นี้
  • นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในสัปดาห์หน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ