นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 30.23 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ ปิดตลาดที่ระดับ 30.18 บาท/ดอลลาร์
"อ่อนค่าจากเย็นวานนี้น่าจะยังเป็นไปตามแรงซื้อแรงขายทั่วไป...ช่วงปลายเดือนแบบนี้น่าจะมีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามา"นัก
บริหารเงิน กล่าว
สำหรับประเด็นหลักที่ต้องติดตาม คือการประชุมนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯคืนนี้ , การประชุม ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลข ISM ภาคการผลิต และการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non Farm Payroll) คืนวันศุกร์
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ระหว่าง 30.15-30.25 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (29 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.45878% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.38554%
SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 30.2300 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 108.82 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 108.89 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.1109 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1077 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.2210 บาท/ดอลลาร์
- ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบ
การ Modern Trade ประจำไตรมาส 3 ปี 2562 พบว่า ส่วนใหญ่มีความกังวลต่อสถานการณ์ภัยธรรมชาติ การส่งสัญญาณการส่งออกที่หด
ตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความขัดแย้งของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะการประท้วงในฮ่องกงและการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวตามฤดูกาล ค่าเงิน
บาทที่แข็งค่าขึ้น การบริโภคไม่ขยายตัวส่งผลทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ Modern Trade ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปรับตัวลดลง
มาอยู่ที่ระดับ 51.0 ซึ่งเป็นดัชนีที่ต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส แต่มีดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 51.4 และเชื่อว่ามีแนว
โน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ
- เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามียอดขอรับส่งเสริมการลงทุน
ของผู้ประกอบการจากประเทศจีนดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีคำขอรับส่งเสริมลงทุนอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท เติบโต 100% เทียบกับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมยางพารา ผลิตยางรถยนต์ คาดว่าทั้งปีจะเติบโต 30% สะท้อนว่าผู้ประกอบการจีนสนใจย้ายฐานการ
ผลิตเข้ามาลงทุนไทยเพิ่มขึ้น ส่วนภาพรวมยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งปี 62 ยังคงเป้าหมายไว้ที่ 750,000 ล้านบาท
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมสรุปแนวทางการจัดตั้งกองทุนรวมแบบใหม่ เพื่อทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะ
ยาว (LTF) ที่จะสิ้นสุดมาตรการภาษีสิ้นปีนี้ โดยได้มอบให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคาดว่า
สัปดาห์หน้าจะสรุปแนวทางจัดตั้งกองทุนใหม่ที่เหมาะสม
- ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า
สถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซาตั้งแต่ไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ จะปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการของรัฐบาล
- ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่
ระดับ 125.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิด
เผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่
นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.9%
- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.)
ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูล
เศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
ประจำเดือนต.ค.
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากคำสั่งขายทำกำไร รวมทั้งรายงานที่ว่า
ความต้องการทองคำในช่วงเทศกาลทิวาลีของอินเดียปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
สหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
- นักลงทุนจับตาผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลด
อัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
- นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรายงานล่าสุดระบุว่า สหภาพยุโรป
(EU) เห็นชอบในเรื่องการขยายระยะเวลาการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ไปเป็นวันที่ 31 ม.ค.ปีหน้า
- นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก
ADP, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายได้และการใช้จ่าย
ส่วนบุคคลเดือนก.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก
เดือนต.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต,
ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.