"จุรินทร์" มอบทีมวอร์รูมทำงานร่วมภาคเอกชนหาแนวทางแก้ปัญหา GSP เตรียมเดินสายโรดโชว์จีน-สหรัฐเพิ่มยอดส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 4, 2019 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจากรณีสหรัฐฯ ระงับสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ว่า เป็นเรื่องที่ต้องมีการเจรจากันต่อไป ซึ่งจะมีการหารือกันในระดับฝ่ายปฏิบัติโดยทูตพาณิชย์ไทยในวอชิงตัน ทูตแรงงาน และทูตพาณิชย์ ที่จะหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ต่อไป

ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้คณะกรรมการวอร์รูมหารือร่วมกับภาคเอกชนที่ถูกตัดจีเอสพี ซึ่งมีสินค้าที่ถูกตัดสิทธิอยู่ประมาณ 300 กว่ารายการ โดยแนวทางอาจจะมีการแบ่งประเภทภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาต่อไป

"ในบรรดาสินค้า 300 กว่ารายการที่ถูกตัด อาจจะต้องแบ่งเป็นหมวดเขียว เหลือง แดง ซึ่งบางหมวดอาจจะกระทบน้อยมากหรือไม่กระทบเลย เช่น จากภาษี 0% ขึ้นเป็น 0.01% เรียกว่าเกือบจะไม่กระทบในแง่ของภาษี ดังนั้นจึงให้มีการสรุปมาว่าอะไรอยู่ในหมวดไหน เพื่อที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาได้อย่างไรบ้าง รวมถึงสินค้าอื่นๆ ที่เรายังใช้สิทธิ GSP อยู่ก็ให้ทำพร้อมกันไปทีเดียว" นายจุรินทร์ กล่าว

ทั้งนี้ ตนเองได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่เป็นประธานเชิญภาคเอกชนมาหารือเพื่อเตรียมการตั้งแต่เบื้องต้นและผลเป็นอย่างไรจะมีการแจ้งให้ทราบ โดยในการประชุมครั้งสุดท้ายหลังกลับจากสหรัฐฯ ตนเองจะเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อช่วยตัดสินให้ว่าเราควรจะแก้ปัญหาอย่างไร หรือมีความจำเป็นที่จะเข้าไปช่วยทำอะไรได้บ้าง หรือภาคเอกชนต้องการให้เราเข้าไปช่วยทำอะไร จะได้ทำงานร่วมกันต่อไป ซึ่งขณะนี้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มดำเนินการเพื่อเชิญทุกฝ่ายมาร่วมหารือกันแล้วซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าสหรัฐฯ มีท่าทีสนใจเอเชียน้อยลงนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขอวิจารณ์ ไทยมีหน้าที่เป็นพันธมิตรกับทุกประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของการค้าการลงทุนที่ต้องร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ตนเองมีกำหนดการเดินทางไปประเทศจีน เพื่อไปร่วมงานในงานมหกรรมนำเข้าของจีน ซึ่งประเทศไทยจะเข้าไปร่วมและจะทำให้เกิดลู่ทางในการส่งสินค้าไปยังจีนมากขึ้น โดยได้นำภาคเอกชนเข้าร่วมด้วยประมาณ 50-60 ราย และคาดว่า การเดินทางไปครั้งนี้จะสามารถเพิ่มยอดขายส่งออกไปได้ราว 2,000 ล้านบาท หลังจากนั้นตนเองจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อไปร่วมงานไทยไนท์ ซึ่งภายในงานจะมีเวทีให้กลุ่มผู้ส่งออกด้านภาพยนตร์ สามารถพบกับผู้นำเข้าสหรัฐฯและทั่วโลก จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มยอดส่งออกได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ