นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 30.35 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวัน พุธ (4 ธ.ค.) ที่ปิดตลาดที่ 30.29 บาท/ดอลลาร์
"เช้านี้บาทอ่อนค่าค่อนข้างเยอะจากเมื่อวันพุธ...มองว่าช่วงนี้ตลาดน่าจะระมัดระวังมากขึ้นหลังจาก ธปท.ออกมาให้ความ เห็นว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มจะเปลี่ยนทิศทางจากแข็งค่าเป็นอ่อนค่า...ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ประกาศออกมาไม่ว่าจะเป็นการจ้าง งานเอกชน และ ISM ภาคบริการออกมาแย่กว่าคาดส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า"นักบริหารการเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.30-30.40 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอดู ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ของสหรัฐฯคืนนี้
THAI BAHT FIX 3M (4 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.13497% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.13714%
SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 30.3525 บาท/ดอลลาร์
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.70 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันพุธ (4 ธ.ค.) ที่อยู่ที่ระดับ 108.72 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1103 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันพุธ (4 ธ.ค.) ที่อยู่ที่ระดับ 1.1070 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.2900 บาท/ดอลลาร์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ระบุยังไม่คุมสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ DSR ในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดระเบียบนิยามและ
การคำนวณ DSR แต่ละสถาบันการเงินให้เป็นมาตรฐานเดียวกันก่อนระบุธนาคารพาณิชย์เริ่มชะลอสินเชื่อเสี่ยงลงแต่ในอนาคตหากจำเป็นก็
งัดมาคุมได้ ชี้การศึกษาระบุตัวเลขที่เหมาะสมอยู่ที่ 40-60%
- กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เสนอกระทรวงการคลังอนุมัติและออกกฎกระทรวงให้ กบข.เพิ่มเพดานการลงทุนในต่าง
ประเทศได้เป็น 40% จากเดิม 30% ชี้ลงทุนควบคู่ใน-ต่างประเทศให้ผลตอบแทนดี และเสี่ยงน้อยกว่า เล็งเป้าเพิ่มลงทุนในหุ้น-อสังหาฯ
สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น
- กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) แจ้งว่า ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 10 เดือนแรกของปี 2562 (มกราคม-ตุลาคม)
เฉลี่ยวันละ 157.3 ล้านลิตร หรือ 989,408 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็น 87% ของปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตได้ภายในประเทศเพิ่มขึ้นจาก
ช่วงเดียวกันของปีก่อนวันละ 2.4 ล้านลิตร หรือ 1.5% เพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มน้ำมันเบนซิน กลุ่มน้ำมันดีเซล ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และกลุ่มน้ำมัน
อากาศยานตามทิศทางเศรษฐกิจ ยกเว้นก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) เป็นไปตามสถานการณ์การใช้รถยนต์ปัจจุบันที่มีการติดตั้ง
การใช้เอ็นจีวีลดลงต่อเนื่องจากปัจจัยที่ราคาน้ำมันที่ลดลง และปัจจุบันรัฐลอยตัวราคาเอ็นจีวีทำให้ราคาสูงขึ้น
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมตลอดทั้งปี 2562 น่าจะติดลบ 2.5% จากปี 2561 หรือคิดเป็นยอด
ขายรถยนต์ 1,015,000 คัน โดยมีปัจจัยกดดันที่สำคัญจากการเข้าควบคุมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตั้งแต่
ช่วงกลางปี ส่วนปี 2563 คาดว่าตลาดน่าจำยังได้รับปัจจัยกดดันจากหลายทาง โดยเฉพาะความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่ดำเนินต่อมา
จากปี 2562 ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงมีทิศทางชะลอตัวจากแรงกดดันของสงครามการค้าโลก ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ใน
ประเทศปี 2563 มีโอกาสทรงตัวโดยขยายตัว 0% หรืออาจจะติดลบ 5% คิดเป็นตัวเลขยอดขายรถยนต์ 960,000-1,015,000 คัน
- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซน ขยาย
ตัว 0.2% ในไตรมาส 3 ซึ่งเท่ากับตัวเลขประมาณการเบื้องต้น และไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาส 2 และเมื่อเทียบรายปีแล้ว เศรษฐกิจยู
โรโซนขยายตัว 1.2% ในไตรมาส 3 ซึ่งเท่ากับอัตราขยายตัวในไตรมาส 2 เช่นกัน
- รัฐบาลฮ่องกงประกาศมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบใหม่ วงเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 511 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ประท้วงที่ยืดเยื้อเป็นเวลานานเกือบ 6 เดือน
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 7.6% สู่ระดับ 4.72 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.
ค. ซึ่งเป็นเดือนที่สองติดต่อกันที่สหรัฐมียอดขาดดุลการค้าลดลง โดยการส่งออกสินค้าลดลง 0.2% สู่ระดับ 2.071 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่
การนำเข้าสินค้าลดลง 1.7% สู่ระดับ 2.543 แสนล้านดอลลาร์
- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 53.9 ในเดือน
พ.ย. จากระดับ 54.7 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 54.5 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำสงคราม
การค้า และการขาดแคลนแรงงาน
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย มาอยู่ที่
ระดับ 203,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 215,000 ราย
- ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น
เพียง 67,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง
- เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) โดยได้
แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งอังกฤษวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้าง
งานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนพ.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในคืนนี้
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้เพิ่มความน่าดึงดูดให้
กับทองคำ นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวในกรอบแคบๆ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อทองคำในฐานะ
สินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผย
ข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.
จะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--