ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 30.29/30 แนวโน้มแกว่งแคบ มองกรอบวันนี้ 30.20-30.40 ตลาดรอความชัดเจนปัจจัยตปท.หลายประเด็น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 11, 2019 09:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.29/30 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับ เย็นวันจันทร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.30 บาท/ดอลลาร์

วันนี้คาดว่าเงินบาทจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนรอดูปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อค่าเงิน ทั้งในส่วนของการ ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งตลาดมองว่า ทั้ง 2 ธนาคารกลางอาจจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้ไว้ก่อน

ขณะเดียวกัน ตลาดยังติดตามการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งผลโพลล์ระบุว่า นายบอริส จอห์น สัน จะคว้าชัยชนะในครั้งนี้ จึงทำให้ตลาดมองว่าน่าจะส่งผลดีต่อกรณี Brexit นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเจรจาข้อตกลงการค้า ระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งคาดว่าสหรัฐฯ จะเลื่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปก่อน จากที่กำหนดไว้ 15 ธ.ค.นี้

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.20 - 30.40 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (9 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.09083% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.08281%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.71/74 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันจันทร์ที่ระดับ 108.49 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1094/1096 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันจันทร์ที่ระดับ 1.1063 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.3460 บาท/ดอลลาร์
  • กนอ.นำทีมโรดโชว์กล่อมเยอรมันต่อยอดลงทุนในนิคมไทย โชว์พื้นที่ศักยภาพที่สามารถรองรับการลงทุนจากยุโรปไหว ชูรับ
เบอร์ ซิตี้-อีอีซี พร้อมรับนักลงทุนกลุ่มเครื่องมือแพทย์ ชง ครม.อนุมัติสมาร์ทปาร์ก มี.ค.63
  • รมว.คลัง เปิดเผยในงานสัมมนาเศรษฐกิจฐานรากพลิกความเชื่อมั่นประเทศไทย ว่า ในช่วงต้นปีหน้ากระทรวงการคลัง
เตรียมเปิดตลาดทุนรูปแบบใหม่ โดยสร้างให้เป็นตลาดทุนสำหรับชาวบ้านที่ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก หรือเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสตาร์ทอัพ
สามารถเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดทุนดังกล่าวได้ในลักษณะเดียวกันกับการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือ
ตลาดเอ็มเอไอ หากทำได้สำเร็จ เชื่อว่า จะเป็นช่องทางสำคัญให้กับบรรดาเอสเอ็มอีขนาดเล็กจริงๆ มีช่องทางใหม่ในการหาแหล่งเงินทุน
มาพัฒนาธุรกิจของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
  • ธปท.เปิดผลการศึกษา "ความเหลื่อมล้ำ" ประเทศไทย 10 ปีที่ผ่านมาความเหลื่อมล้ำโดยรวมดีขึ้นแต่ยังสูงเมื่อเทียบกับ
เพื่อนบ้าน คนจนสุดมีรายได้ต่ำกว่าคนรวยสุด 10.3 เท่า ขณะที่ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ยังสูงมากและมีโอกาสสูงขึ้นจากเศรษฐกิจที่โตกระ
จุกใน กทม.และปริมณฑล
  • ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า การเปลี่ยนกองทุน LTF (กองทุนรวมหุ้นระยะยาว) เป็น SSF
(กองทุนรวมเพื่อการออม) อาจทำให้เม็ดเงินในตลาดหุ้นไทยหายไปอย่างน้อย 20,000 ล้านบาทต่อปี มองว่ากองทุน SSF ที่ออกมาอาจจะ
ไม่ได้ตอบโจทย์การลงทุนในตลาดทุนมากนัก
  • ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี
63 เบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท ถูกปรับลดจากประมาณการเดิมลง 47,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.53% จากช่วงก่อนหน้าที่
ประเมินไว้ที่ 1.05 ล้านล้านบาท สาเหตุหลักที่ปรับลดกำไรสุทธิลงเนื่องจากกลุ่มพลังงานถูกปรับลดลง 29%, กลุ่มปิโตรเคมี ถูกปรับลดลง
16% และหุ้นของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย โดยฝ่ายวิจัยกำหนดสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยแหล่งอ้างอิงดูไบ ตั้งแต่ปี 63 ไว้ที่ 65 ดอลลาร์ต่อ
บาร์เรล ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันเป็นผลมาจากความต้องการที่ชะลอตัวจากสงครามการค้า และการผลิตใหม่ที่มีเข้ามาสู่
ตลาดต่อเนื่อง
  • สื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนคาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐจะเลื่อนการปรับขึ้นภาษีนำ
เข้าสินค้าจีนที่กำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค.นี้ เพื่อให้เวลามากขึ้นในการเจรจาทำข้อตกลงการค้าชั่วคราว ซึ่งทั้งสองฝ่ายยังคงยืนยัน
ว่าใกล้จะบรรลุข้อตกลง แม้ต้องเลื่อนกำหนดเส้นตายหลายครั้งแล้วก็ตาม
  • สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) หลัง
จากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนธ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับ
ตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย รวมทั้งข้อมูลเงินเฟ้อของ
สหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลง
ทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลา
สหรัฐ
  • นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค.
ซึ่งสหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ยืนยันที่จะตอบโต้ด้วยการเรียก
เก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐเช่นกัน
  • นักลงทุนติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งตลาดมองว่าในรอบนี้ ECB จะยังคงอัตราดอกเบี้ย
นโยบายไว้ในระดับเดิม
  • นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะ
ที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในปีนี้
  • นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย., ดัชนีราคา

ผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.

และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ