ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาด กนง.รอบสุดท้ายของปีคงดอกเบี้ยรอประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 17, 2019 18:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมนโยบายการเงินรอบสุดท้ายของปี 62 ในวันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25% เพื่อรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า โดยคำนึงถึงพัฒนาการของการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ตลอดจนติดตามพัฒนาการของปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกประเทศอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับว่าภายใต้บริบทที่อัตราเงินเฟ้อยังคงทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่อง ยังบ่งชี้ว่ายังมีช่องว่างเพียงพอสำหรับการดำเนินนโยบายการเงินเพิ่มเติม

โดยข้อมูลเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยรายงานออกมาในช่วงข้างหน้า โดยเฉพาะเครื่องชี้ผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เงินเฟ้อและตัวเลขการส่งออก คงจะมีน้ำหนักต่อการประเมินสถานการณ์และการตัดสินใจของ กนง. ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 63

ขณะที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจไทยที่ต้องจับตา ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในประเทศและผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 รวมถึงความสามารถของรัฐบาลการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ เนื่องจากแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยในปีหน้ายังคงมาจากภาคเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลักและคงต้องอาศัยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากภาครัฐ ในการประคองการขยายตัวของเศรษฐกิจไม่ให้เติบโตในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้น การผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จึงมีความสำคัญต่อการประคองภาพการเติบโตของเศรษฐกิจ ผ่านการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงต้นปี 2563 ตลอดจนการเร่งรัดการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แม้ว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาจะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของการใช้จ่ายครัวเรือน ตลอดจนภาคอสังหาริมทรัพย์น่าจะสามารถประคองภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ให้ขยายตัวได้ไม่น้อยกว่าไตรมาส 3/62 ที่ผ่านมา

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในต่างประเทศเริ่มมีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น ทั้งนี้ การบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในเฟสแรก น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะลุกลามออกไปได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งประเด็นดังกล่าวคงจะช่วยจำกัดปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นได้บ้าง

นอกจากนี้ผลการเลือกตั้งในสหราชอาณาจักรที่พรรคพรรอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) ได้เสียงข้างมากน่าจะสนับสนุนให้ สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกจากสหภาพยุโรป (Brexit Withdrawal Agreement) ในช่วงปลายเดือน ม.ค.63 คงช่วยคลายความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนให้ลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ