รัฐบาล รณรงค์ส่งเสริมน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B10 ตั้งเป้าหมายการใช้แตะ 50 ล้านลิตร/วัน กลางปี 63

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 24, 2019 10:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร่วมรณรงค์ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B10 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม และยังเป็นการช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยตั้งเป้าหมายการใช้แตะ 50 ล้านลิตร/วัน ในกลางปี 63 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า มาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B10 เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการสร้างสมดุลของปาล์มน้ำมันทั้งระบบของประเทศให้มีความยั่งยืน ช่วยเหลือชาวสวนปาล์มไม่ให้ราคาผลผลิตตกต่ำ โดยมีแนวทางกำหนดให้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลฐานของประเทศ ส่วนน้ำมันดีเซล B7 เป็นน้ำมันดีเซลทางเลือกสำหรับรถยุโรป และรถยนต์รุ่นเก่าที่ไม่สามารถใช้ B10 ได้ ขณะที่น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 เป็นทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้มีมาตรการด้านราคาเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันดีเซล B10 เพิ่มขึ้น ด้วยการกำหนดราคาให้ถูกกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7 ที่ 1 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.62 และได้เพิ่มส่วนต่างให้ถูกกว่าดีเซล B7 เป็น 2 บาท/ลิตร เมื่อวันที่ 1 ต.ค.62 ซึ่งช่วยให้ยอดการใช้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด "คาดว่า ปริมาณการใช้ดีเซล B10 จะเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 50 ล้านลิตรในช่วงเดือนมิ.ย.63 ซึ่งจะส่งผลให้มีการใช้ไบโอดีเซล (B100) ได้ประมาณ 7 ล้านลิตร/วัน" รมว.พลังงานกล่าว พร้อมระบุว่า กระทรวงพลังงานตั้งเป้าหมายที่ต้องการส่งเสริมการใช้ดีเซล B10 ไปให้ถึง 57 ล้านลิตร/วัน ดีเซล B7 ที่ 5 ล้านลิตร/วัน และดีเซล B20 ที่ 5 ล้านลิตร/วัน ซึ่งจะสามารถดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในภาคพลังงานได้ประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดของประเทศในปัจจุบัน (หรือประมาณ 2.2 ล้านตัน/ปี) ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าว จะช่วยสร้างสมดุลปาล์มน้ำมันทั้งระบบได้ ในส่วนของผู้ค้าน้ำมันนั้น ได้ให้ความร่วมมืออย่างดีกับนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B10 โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 คลังน้ำมันทุกแห่งจะมีน้ำมันดีเซล B10 จำหน่าย และตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.63 เป็นต้นไป น้ำมันดีเซล B10 จะมีจำหน่ายทุกสถานีบริการน้ำมัน โดยปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันที่จำหน่ายดีเซล B10 แล้วจำนวน 450 แห่ง อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันมีรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลทั้งหมดราว 10.5 ล้านคัน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีรถยนต์ที่ค่ายรถให้การรับรองว่าใช้ดีเซล B10 ได้ประมาณ 5.3 ล้านคัน หรือคิดเป็น 50% ส่วนที่เหลืออีก 50% จะเป็นในส่วนของรถยุโรปและรถยนต์รุ่นเก่าที่หมดการรับประกันจากค่ายรถแล้ว "ดังนั้น หากยังคงมีนโยบายสร้างส่วนต่างราคาระหว่างดีเซล B10 และ B7 ก็เชื่อว่าผู้ใช้รถยนต์รุ่นเก่าเหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนใจมาใช้ดีเซล B10 เพิ่มขึ้นอีกในอนาคตจนถึงเป้าหมายในที่สุด" รมว.พลังงานกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ