นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลปรับลดราคาน้ำมันทุกประเภทลงลิตรละ 1 บาท ระหว่างวันที่ 26 ธ.ค.62-10 ม.ค.63 เพื่อเป็นการลดภาระประชาชนในช่วงปีใหม่ และการที่ลดราคาน้ำมันทุกประเภทจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่มากกว่าการปรับลดราคาเฉพาะน้ำมันดีเซล B10 และ E20 ซึ่งมีผู้ใช้ในปริมาณน้อย
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ได้ออกมาระบุว่าจะปรับลดราคาน้ำมัน B10 และ E20 ลงในอัตราลิตรละ 1 บาทในช่วงเวลาดังกล่าว แต่สุดท้ายเป็นการปรับลดราคาน้ำมันทุกประเภท ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์เพราะส่งผลกระทบต่อสถานีบริการน้ำมันที่ขาดทุนสต็อกน้ำมัน เพราะเข้าใจว่าจะลดราคาเฉพาะ B10 และ E20 เท่านั้น
ทั้งนี้ ทางสำนักงานฯ ได้เสนอต่อคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีรมว.พลังงานเป็นประธาน ขอให้ลดทุกราคาน้ำมันประเภทน้ำมัน เพราะประชาชนส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์อย่างแท้จริง และกบน.ได้เห็นชอบตามที่เสนอ โดยหากลดราคาเพียง 2 ประเภทน้ำมัน ผู้ได้รับประโยชน์จะมีจำนวนน้อย เพราะสถานีบริการน้ำมัน B10 ในขณะนี้มีเพียง 511 แห่ง จากสถานีบริการทั่วประเทศราว 3 หมื่นแห่ง และมียอดใช้เพียง 5 แสนลิตร /วัน จากยอดใช้กลุ่มดีเซลโดยรวม 65 ล้านลิตร/วัน ส่วนผู้ใช้ E20 มีราว 6.6 ล้านลิตร/วัน จากยอดใช้ของกลุ่มเบนซินราว 32 ล้านลิตร/วัน
อย่างไรก็ตามการลดราคาน้ำมันทุกประเภทลงลิตรละ 1 บาทครั้งนี้ เกิดจากลดจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯหน้าคลังน้ำมันราว 0.93-2.29 บาท/ลิตร รวม 1,383.52 ล้านบาท ทางกองทุนน้ำมันฯไม่ได้เข้าไปจ่ายชดเชยแก่ผู้ค้าน้ำมันแต่อย่างใด โดยแม้ช่วงแรกผู้ค้าน้ำมันอาจขาดทุนสต็อกบ้าง แต่ช่วงก่อนหมดเวลาลดเงินกองทุน คือวันที่ 9 ม.ค.63 ผู้ค้าน้ำมันก็จะสต็อกเพิ่ม ด้วยการซื้อจากหน้าคลัง ก็จะได้ประโยชน์จากช่วงเวลาดังกล่าว
นายวีระพล กล่าวอีกว่า การบริหารของกองทุนน้ำมันฯจะต้องมีวงเงินไม่เกิน 40,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.62 กองทุนมีฐานะสุทธิ 38,409 ล้านบาท หลังลดราคาน้ำมัน 1 บาท/ลิตรแล้ว ยังมีวงเงินสภาพคล่องเหลือ 37,025 ล้านบาท จึงสามารถดูแลเสถียรภาพราคาพลังงานได้ และในส่วนของราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ก็ยังสามารถดูแลให้ราคา 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ได้อย่างต่อเนื่อง
ด้านกรมธุรกิจพลังงาน ระบุว่าตามปกติแล้วราคาน้ำมันจะมีการปรับขึ้น-ลงตามกลไกตลาดเสรีอยู่ตลอดเวลาตามราคาในตลาดโลก ตามการแข่งขันเสรี ซึ่งภาครัฐจะทำหน้าที่ในการกำกับดูแลเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด และลดภาระที่อาจเกิดกับประชาชนในส่วนของกรมธุรกิจพลังงาน ขอยืนยันว่าจะกำกับดูแลให้ประชาชนมีน้ำมันใช้อย่างเพียงพอในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยน้ำมันมีคุณภาพตามมาตรฐาน และสถานีบริการน้ำมันมีความปลอดภัย