ครม.เห็นชอบท่าทีประเทศไทยในการประชุม JTC ไทย-บังกลาเทศ ระหว่าง 8-9 ม.ค.นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 2, 2020 15:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-บังกลาเทศ ครั้งที่ 5 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-9 ม.ค.63 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

โดยสาระสำคัญที่ฝ่ายไทยจะผลักดันในการประชุมครั้งนี้ คือ

1. การค้าและการลงทุน หารือแนวทางการส่งเสริมการค้าและการลงทุน รวมถึงการขจัดอุปสรรคทางการค้าของทั้งสองฝ่าย เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2564

2. ความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-บังกลาเทศ โดยให้ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนผลการศึกษาการจัดทำ FTA ระหว่างกัน

3. การให้สิทธิพิเศษในการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควต้า (DFQF) ซึ่งไทยอยู่ระหว่างดำเนินการต่ออายุโครงการ DFQF ที่จะหมดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยจะมีการพิจารณาทบทวนรายการสินค้าและกฎถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้โครงการดังกล่าว ซึ่งไทยจะนำสินค้าที่บังกลาเทศร้องขอเพิ่มเติมมาพิจารณาด้วย

4. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับบังกลาเทศในด้านต่างๆ ได้แก่

  • ด้านอุตสาหกรรม พิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านการรับรองระบบงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและบังกลาเทศ โดยไทยขอทราบขอบเขตความร่วมมือภายใต้ MOU ดังกล่าวจากบังกลาเทศ
  • ด้านเกษตร ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะทำงานร่วมด้านการเกษตร ครั้งที่ 1 ณ ประเทศไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือและความช่วยเหลือด้านเกษตรระหว่างกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2563
  • ด้านการประมงและปศุสัตว์ พิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือด้านการประมงและปศุสัตว์ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและบังกลาเทศ โดยพร้อมให้การสนับสนุนด้านวิชาการและเทคโนโลยีการประมงกับบังกลาเทศ โดยเฉพาะด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
  • ด้านการบริการสุขภาพและสาธารณสุข ขอให้บังกลาเทศส่งรายละเอียดความร่วมมือที่บังกลาเทศสนใจให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาต่อไป
  • การเชื่อมโยงทางคมนาคม สนับสนุนความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงทางคมนาคมทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือระหว่างท่าเรือระนองของไทยและท่าเรือจิตตะกองของบังกลาเทศ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ประโยชน์ที่ได้จากการประชุมในครั้งนี้ คือ 1.จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับบังกลาเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมายการค้าระหว่างกันที่ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2564 2. ขยายโอกาสในการเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับบังกลาเทศอย่างเป็นรูปธรรม และ 3. ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนไปยังประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organization of Islamic Cooperation : OIC) ซึ่งบังกลาเทศมีศักยภาพในการเป็นประตูทางการค้ากับประเทศสมาชิก OIC กว่า 57 ประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ