ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.14/16 มีโอกาสอ่อนค่าหากพรุ่งนี้ทะลุแนวต้าน 30.18 คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-30.25 จับตา Fund Flow

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 2, 2020 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.14/16 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.08/13 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทระหว่างวันนี้ เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.10-30.16 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกข่าวในช่วงเช้าว่าเงินบาทยังมีความผันผวนสูงในสภาวะที่ตลาดกำลังปรับสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายดอลลาร์ และ ธปท.จะดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดนั้น เงินบาทก็เริ่มทรงตัวอยู่ในกรอบเดิม โดยมี flow จากทั้งฝั่ง export และ import

อย่างไรก็ดี วันนี้ยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อเงินบาทมากนัก ประกอบกับยังเป็นช่วงเปิดทำการวันแรกของปี

"พรุ่งนี้ หากมีแรงซื้อดอลลาร์มาก และในทางเทคนิคเงินบาททะลุ 30.18 บาท/ดอลลาร์ขึ้นไป ก็มีโอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่า ได้ต่อ แต่ทั้งนี้คงต้องดูจาก flow ว่ามีเข้ามามากน้อยเพียงใดด้วย" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00 - 30.25 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.85/87 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.55/78 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1202/1205 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1209/1233 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,595.82 จุด เพิ่มขึ้น 15.98 จุด (+1.01%) มูลค่าการซื้อขาย 54,494 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 24.11 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ (2 ม.ค.) เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงจากที่ได้แข็งค่าเร็วใน
ช่วงก่อนวันหยุดสิ้นปี มาถึงระดับ 30.18 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าอัตราอ้างอิงเฉลี่ยของวันที่ 30 ธ.ค.62 โดยสภาพคล่องในตลาดเริ่ม
กลับมาเป็นปกติ แต่ค่าเงินบาทยังมีความผันผวนสูงในสภาวะที่ตลาดกำลังมีการปรับสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายดอลลาร์ ทั้งนี้ ธปท.จะ
ดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด โดยผู้ร่วมตลาดอาจรอดูสถานการณ์การปรับตัวของตลาดสู่ภาวะปกติก่อนเร่งทำธุรกรรม
  • นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและมีการคาดการณ์ปีนี้ว่าจะหลุด 30 บาท/ดอลลาร์ว่า ได้มีการหารือกับ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันทั้งจากกระทรวงการคลัง ธปท. และหน่วยงาน
ด้านเศรษฐกิจ เพื่อติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิดและหามาตรการเสริมมาช่วยลดผลกระทบ
  • ธปท. เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนธ.ค.62 อยู่ที่ระดับ 45.1 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีฯ ของ
ภาคการผลิตอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 และปรับลดลงในเกือบทุกองค์ประกอบ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในภาคการผลิตโดย
รวมที่ยังแย่ลงต่อเนื่อง
  • กระทรวงพาณิชย์ เผยอัตราเงินเฟ้อในเดือนธ.ค.62 สูงขึ้น 0.87% เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปรับตัว
เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน โดยเฉพาะการขยายตัวอย่างช้าๆ และต่อเนื่องของเงินเฟ้อพื้นฐาน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้น
เศรษฐกิจ และการช่วยเหลือภาคเกษตรของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสนับสนุนให้มีการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยเงินเฟ้อทั้งปี 2562 เฉลี่ยสูง
ขึ้น 0.71% ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อในปี 2563 คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.4-1.2% หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 0.8%
  • กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (MTI) ของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ในปี 2562 ขยายตัวเพียง 0.7%
ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากภาคการผลิตยังคงอ่อนแอ แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น
เล็กน้อยในไตรมาส 4/2562 ก็ตาม นอกจากนี้ เศรษฐกิจของสิงคโปร์ยังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ
และจีน รวมถึงการชะลอตัวของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
  • ธนาคารกลางจีน ให้คำมั่นว่าจะผลักดันการปฏิรูปแบบอิงปัจจัยตลาด โดยมีเป้าหมายที่จะลดระดับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง
และลดต้นทุนทางการเงินของประชาชน พร้อมระบุว่า นโยบายการเงินที่รอบคอบนั้นควรจะมีความยืดหยุ่นปานกลาง เพื่อรักษาสภาพคล่อง
ตลาดให้อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล พร้อมกันนี้ธนาคารกลางจีนจะเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างทางการเงินฝั่งอุปทาน เพื่อยกระดับการรองรับ
การพัฒนาคุณภาพสูงและจะสร้างความพยายามมากขึ้น เพื่อเป็นแนวทางให้กับสถาบันการเงินในการยกระดับการปล่อยกู้ให้แก่เศรษฐกิจที่แท้
จริง
  • จีนได้ระงับแผนการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนระหว่างตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นลอนดอน อันเนื่องมาจากเหตุผลทางด้านการ
เมือง รวมถึงท่าทีของอังกฤษที่มีต่อการประท้วงในฮ่องกง
  • สหรัฐฯ จะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการ

ฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผย

รายงานการประชุมวันที่ 10-11 ธ.ค.62


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ