ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.15 แกว่งแคบรอปัจจัยใหม่ ตลาดรอติดตามรายงานการประชุม FOMC คืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 3, 2020 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 30.15 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเช้าที่ ระดับ 30.14 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 30.13-30.18 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้บาทเคลื่อนไหวตามทิศทางของเงินทุนต่างประเทศ ซึ่งน่าจะกลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจาก สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินในวันจันทร์ไว้ที่ 30.10-30.20 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้มีข้อมูลทาง เศรษฐกิจสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจ ได้แก่ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานดัชนีภาคการผลิตเดือน ธ.ค., สำนัก งานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และการเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือน ธ.ค. ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 108.09 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.31 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1140 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1175 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,594.97 จุด ลดลง 0.85 จุด, -0.05% มูลค่าการซื้อขาย 61,278.34 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 184.24 ล้านบาท (SET+MAI)
  • รมว.คลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลังจะไม่เข้าไปก้าวก่ายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการแก้ปัญหาเงินบาท
แข็งค่า พร้อมเชื่อว่า ธปท.ยังมีเครื่องมือเพียงพอที่จะดูแลค่าเงินได้
  • รมว.คลัง เตรียมเสนอแพ็คเกจช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) กว่า 1 แสนรายให้เข้าถึงแหล่ง
เงินทุน วงเงินกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า (7 ม.ค.)
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยมีประมาณ 40.5-40.9 ล้านคน ขยาย
ตัวประมาณ 2-3% เป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบ 6 ปี และจะเป็นการเติบโตเฉพาะบางตลาด โดยหลักจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะ
ใกล้อย่างภูมิภาคเอเชีย ขณะที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ เช่น ยุโรป โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง ยังมีแนวโน้มที่ปรับลดลง
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBEIC) ประเมินเงินบาทในปี 2563 จะยังเผชิญแรงกดดันด้านแข็ง
ค่าอยู่ต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่น้อยลงจากปี 2562 โดยมองว่าเงินบาท ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ในกรอบ 29.50-30.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่อง
จาก ไทยยังต้องเผชิญปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุลในระดับสูง ขณะที่ความต้องการลงทุนในต่างประเทศยังต่ำ
(home bias ยังคงสูง) จึงทำให้มีความต้องการเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐในปริมาณมาก อีกทั้งดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสปรับ
อ่อนค่าลงได้เล็กน้อยทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นโดยเปรียบเทียบ
  • รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้รัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน ทั้ง บมจ. ปตท. (PTT) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง
ประเทศไทย (กฟผ.) เร่งลงทุนและชำระหนี้ระยะสั้นในช่วงนี้ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าขึ้น
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการร่วม
ภาครัฐและเอกชน (กรอ.) กระทรวงพาณิชย์ ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ในช่วงกลาง
เดือนม.ค.63 เพื่อพิจารณาเป้าหมายมูลค่าการส่งออกของไทยในปี 63
  • สื่อต่างประเทศรายงานว่า ขณะนี้ทางการจีนกำลังจับตาท่าทีของรัฐบาลอังกฤษอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าเป็นการกดดันให้
รัฐบาลอังกฤษรีบตัดสินใจรักษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน หลังล่าสุดเมื่อวานนี้ จีนได้ระงับแผนการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนระหว่างตลาดหุ้น
เซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นลอนดอน ซึ่งถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลอังกฤษ อันเนื่องมาจากเหตุผลทางด้านการเมือง รวมถึงท่าทีของ
อังกฤษที่มีต่อการประท้วงในฮ่องกง
  • รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้เรียกร้องให้มีการควบคุมงบประมาณรายจ่ายทางการคลังอย่างเข้มงวด และพยายามดำเนินการ
ให้เกิดความคืบหน้าในเรื่องการลดภาษีและค่าธรรมเนียม
  • ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวเกียวโดบ่งชี้ว่า บริษัทรายใหญ่มีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ
เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการปรับขึ้นภาษีการอุปโภคบริโภค

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ