พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีกลไกต่างๆ ติดตามอยู่ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักการและกฎหมายที่มีทั้งหมด ซึ่งต้องมองเรื่องเศรษฐศาสตร์ ข้อเท็จจริง ปัญหาเฉพาะของแต่ละประเทศ และรัฐบาลพยายามดูแลประชาชนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันการที่เงินบาทแข็งค่าเป็นโอกาสของการนำเข้าสินค้าตั้งต้นการผลิตหรือเครื่องจักรในราคาถูกลง พร้อมทั้งสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาสินค้าบางประเภทที่ปรับขึ้นราคาไม่เหมาะสม เพราะบางอย่างต้นทุนถูกลง
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ แต่ต้องไม่ใช่การติติงเพียงอย่างเดียว เพราะรัฐบาลต้องดูแลภาพรวมทั้งหมด และดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นกับประชาชนที่มีรายได้น้อยให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ไปพร้อมกับการสร้างความเข้มแข็งให้ยกระดับรายได้ของตัวเอง
ส่วนมาตรการด้านการประกันราคาสินค้าเกษตรนั้น รัฐบาลมองถึงกลุ่มที่ยังไม่ได้รับประโยชน์และกำลังศึกษาการจำนำข้าวในยุ้งฉางที่เป็นความต้องการของประชาชนในภาคอีสาน เนื่องจากไม่สามารถใช้มาตรการเดียวกันดูแลเกษตรกรทุกกลุ่มได้ พร้อมฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการโรงสีต้องไม่ฉวยโอกาสที่รัฐบาลมีโครงการประกันราคาข้าว โดยการกดราคาข้าวต่ำกว่าราคาตลาด และให้รัฐบาลต้องชดเชยส่วนต่างเพิ่มขึ้น เพราะทุกคนต้องมีความรับผิดชอบ ต้องช่วยชาติ แม้จะมีกำไรน้อยลงบ้าง หากฉวยโอกาสถือว่าไม่ช่วยประเทศ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือ SMEs เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.) เนื่องจากยังมีหลายหลักเกณฑ์ที่ SMEs ไม่สามารถเข้าถึงการสนับสนุนจากภาครัฐได้ ส่งผลให้ขาดความเข้มแข็ง อาจทำให้กระทบกับขีดความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่ปัญหาการเลิกจ้างงาน และที่ผ่านมา SMEs มีการพัฒนาที่ช้า ดังนั้นวันนี้ต้องพัฒนาตั้งแต่ผู้ประกอบการไปถึงลูกจ้าง นอกจากนี้จะดูแล SMEs ที่มีความเสี่ยงจะเลิกกิจการ ควบคู่กับการยกระดับให้กลุ่ม SMEs สามารถผลิตสินค้าตรงกับความต้องการของตลาด