BAY มองกรอบบาทสัปดาห์นี้ 30.10-30.35 จับตาคืบหน้าข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน เฟสแรก

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 13, 2020 15:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.10-30.35 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 30.24 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2.1 พันล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 54 ล้านบาท ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นหลังตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังประธานาธิบดีทรัมป์แถลงว่าสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องตอบโต้ทางทหารต่ออิหร่านที่ยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพของสหรัฐฯ ในอิรัก

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ คาดว่า ตลาดจะติดตามการลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ กับจีนวันที่ 15 ม.ค. เพื่อประเมินทิศทางการเจรจาในระยะข้างหน้า รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ หลังข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่บ่งชี้การขยายตัวที่สดใสกว่าภูมิภาคอื่น แม้ตัวเลขค่าจ้างงานในเดือน ธ.ค.ออกมาต่ำกว่าคาด นอกจากนี้รายงานจีดีพีไตรมาส 4/2562 ของจีนจะอยู่ในความสนใจของนักลงทุนเช่นกัน

"สำหรับภาพรวมสัปดาห์นี้ คาดว่าบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และสกุลเงินส่วนใหญ่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ยังมีแรงส่งเชิงบวก ขณะที่เงินเยนอาจเผชิญแรงขายต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะตลาดการเงินโลกที่มีเสถียรภาพมากขึ้น"

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เน้นย้ำว่า ปัจจุบันสินทรัพย์สกุลเงินบาทไม่ได้เป็นเป้าหมายแหล่งพักเงินในลักษณะ safe haven ของต่างชาติเนื่องจากเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สนับสนุนให้ ธปท.ติดตามกระแสเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นและผ่อนคลายกฎเกณฑ์กำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงิน นอกจากนี้ ทางการประเมินว่าสถานการณ์ภัยแล้งอาจส่งผลกระทบเชิงสังคม อีกทั้ง กนง.กังวลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือนซึ่งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราคาดว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะนี้อาจชะลอลงหลังค่าเงินบาทแข็งขึ้นมากในปีที่ผ่านมา และธปท.กล่าวเตือนว่าเงินบาทแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

อนึ่ง ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 2.275 แสนล้านดอลลาร์ในสัปดาห์แรกของปี 2563 จาก 2.23 แสนล้านดอลลาร์ช่วงสิ้นปี 2562 สะท้อนการเข้าซื้อดอลลาร์ของทางการเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจน่าจะได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายด้านการคลัง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในเดือน ก.พ. หลังสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ