"ไวรัสโคโรนา"เชื้อร้ายตัวใหม่..สร้างแรงกระเพื่อมท่องเที่ยวซ้ำเติมเศรษฐกิจรุนแรงกว่า"ซาร์ส"

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 30, 2020 11:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ก้าวเข้าปีหนูมาได้ไม่กี่วัน เศรษฐกิจโลกก็ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงอันหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่สร้างความกังวลหากทวีความรุนแรงขึ้น ถัดจากนั้นไม่นาน ข่าวการระบาดของ"ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019"จากจีนก็เริ่มเข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์ ซึ่งไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนับรวมไว้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยลบล่าสุดที่จะมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 63 นี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตลาดหลักของไทยในปัจุจุบัน

"ไวรัสโคโรนา"ที่กำลังแพร่ระบาดไปในหลายประเทศอยู่ในขณะนี้ มีต้นตอมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน พบจำนวนผู้ติดเชื้อนับพันคน และมียอดผู้เสียชีวิตนับร้อยราย ส่งผลให้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องสั่งปิดเมืองอู่ฮั่น และเมืองอื่นๆ รวมอีกกว่าสิบเมืองในมณฑลหูเป่ย พร้อมสั่งห้ามชาวจีนเดินทางกับคณะทัวร์ออกนอกประเทศ ซึ่งรวมถึงการห้ามขายแพ็คเกจเที่ยวบินและโรงแรมสำหรับชาวจีนที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศด้วย ส่วนคณะทัวร์ที่ได้เดินทางออกไปแล้วก่อนหน้าที่จะมีคำสั่งนั้น ขอให้หมั่นสังเกตอาการ และรีบไปพบแพทย์ทันทีหากสงสัยว่าจะเข้าข่ายติดเชื้อไวรัสดังกล่าว

การสั่งห้ามชาวจีนเดินทางออกต่างประเทศในช่วงนี้ที่ถือได้ว่าเป็น High Season ของการท่องเที่ยวของชาวจีน เพราะตรงกับช่วงตรุษจีนพอดี ซึ่งชาวจีนต่างนิยมเดินทางออกไปท่องเที่ยวและเฉลิมฉลองเทศกาลมงคลนี้ในทุกปีนั้น เชื่อว่าส่งแรงกระเพื่อมไม่มากก็น้อยต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของหลายประเทศที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประเทศไทย

*คลังจับตาไวรัสโคโรนาปัจจัยเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจไทย

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ยอมรับว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบและทำให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศจีนมากกว่าร้อยคนแล้วนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยปีนี้ชะลอตัวลงตามไปด้วย ขณะที่การใช้จ่ายในประเทศก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน และคงต้องมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 3.3% เนื่องจากมีปัจจัยใหม่ที่เข้ามากระทบ คือ การระบาดของไวรัสโคโรนา รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว

ล่าสุด สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดประมาณการ GDP ของไทยในปีนี้ลงเหลือโต 2.8% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 3.3% จากผลของการประเมินว่าการส่งออกไทยปีนี้จะเติบโตได้เล็กน้อยเพียง 1% เท่านั้น ซึ่งแม้ สศค.จะไม่ระบุว่าการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยครั้งนี้จะรวมกรณีของการระบาดจากไวรัสโคโรนาไว้ด้วย แต่ยอมรับว่าปัจจัยนี้เป็นปัจจัยใหม่ที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทย

อย่างไรก็ดี สศค.ยังมีความหวังว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะเป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้นและน่าจะคลี่คลายได้ภายในไม่เกิน 3 เดือนจากนี้ เพราะหลายฝ่ายยังมีความเชื่อมั่นต่อมาตรการควบคุมดูแลของภาครัฐที่บูรณาการร่วมกันทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนหน่วยงานอื่นๆ รวมทั้งภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง

*ททท.ชี้ยอดนักท่องเที่ยวจีนปีนี้วูบ 2 ล้านคน

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในส่วนของสายการบิน และโรงแรมที่พัก เพื่อติดตามผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะกระทบต่อยอดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยในปีนี้ลดลงราว 2 ล้านคน จากปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยถึง 11 ล้านคน

ทั้งนี้ ททท.จะดำเนินการในระยะเร่งด่วนช่วง 2-3 เดือนนี้ เพื่อทดแทนตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะหายไป 2 ล้านคนดังกล่าว โดยใช้การหาตลาดทดแทนซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ตลาดเอเชีย ได้แก่ อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น ตลาดยุโรป ได้แก่ รัสเซีย ยูเครน ตลาดสหรัฐ รวมไปถึงตลาดประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยมาตรการที่จะนำมาใช้ คือ การเพิ่มทั้งความถี่ในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย รวมทั้งการเพิ่มจำนวนวันที่เข้าพักให้มากขึ้น ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยคือการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยการส่งเสริมให้หน่วยงานราชการตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดการอบรมสัมมนาในประเทศให้มากขึ้น

ขณะที่นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ประเมินว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในขณะนี้ถือว่าค่อนข้างรุนแรง เชื่อว่าผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวทั้งโรงแรม ที่พัก ร้านอาหารได้รับผลกระทบแน่นอน เนื่องจากบริษัททัวร์ในจีนถูกระงับการเดินทางออกนอกประเทศทั้งหมด โปรแกรมทัวร์ที่จองไว้ล่วงหน้าก็ถูกยกเลิก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนต้องยกเลิกการเดินทางแล้วถึง 80-90%

จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในไตรมาส 1/2563 ให้ลดลงราว 10% จากเดิมที่คาดว่าจะมียอดอยู่ที่กว่า 3 ล้านคน แต่ทั้งนี้ หากต้องให้เลือกระหว่างความเสียหายทางเศรษฐกิจกับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาแล้วนั้น ทาง สทท.มองว่าอย่างหลังเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักมากกว่า เพราะต้องคำนึงถึงสุขภาพอนามัยของประชาชนในประเทศเป็นสำคัญ

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ระบุว่า ประเทศไทยได้รับความน่าเชื่อถือจากนานาชาติ โดยจัดให้เป็นประเทศที่มีการเตรียมความพร้อมป้องกันโรคระบาดได้ดีที่สุดเป็นลำดับที่ 6 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ในเอเชีย พร้อมกับยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขของไทยเชื่อว่าการเปิดเผยข้อเท็จจริงจะช่วยหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้

"เราไม่เคยประมาท เราเป็นชาติแรกที่เริ่มตรวจสอบ และประกาศความจริงให้โลกรับรู้ว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสนิวโคโรนานอกประเทศจีน จนนำมาสู่การตื่นตัวขององค์การอนามัยของโลก และทำให้ทุกๆ ชาติตื่นตัว เพราะมาตรฐานของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก เราดูแลผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อทุกคนที่พบด้วยมาตรฐานสูงสุด จนกระทั่งหายเป็นปกติแล้วส่งกลับประเทศจีน" นายอนุทิน ระบุ

นอกจากนี้เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่ออุบัติใหม่ให้ยกเลิกมาตรการ Visa on Arrival สำหรับนักท่องเที่ยวจีนชั่วคราวเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา และเป็นการดูแลสถานการณ์ให้ดีที่สุดและให้นักท่องเที่ยวจีนมาไทยให้น้อยที่สุด

          ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ประเมินว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา จะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจเอเชียในปีนี้ไม่เป็นไปอย่างที่คาด และในส่วนของไทยนั้น การระบาดของไวรัสโคโรน่าจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงมากกว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดซาร์ แต่ในแง่ผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนนั้น การระบาดของไวรัสโคโรนาจะรุนแรงน้อยกว่า
          โดยเบื้องต้นคาดว่าผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยและธุรกิจต่อเนื่อง ในกรณีที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้ไม่เกินเดือนมี.ค.63 จะอยู่ที่ราว 80,000 - 120,000 ล้านบาท แต่หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้ ความเสียหายย่อมจะมีมากกว่านี้ พร้อมประเมินว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยในปีนี้อาจจะลดลง 1-2 ล้านคน ส่งผลให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงไม่ต่ำกว่า 2% จากเป้าหมายที่รัฐบาลหวังว่ายอดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะอยู่ที่ 41.8 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศ 2.2 ล้านล้านบาท
          ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนในที่จะเดินทางมาไทยไว้เป็น 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 การแพร่ระบาดอยู่ในกรอบไม่เกิน 1 เดือน ภายใต้ภาวะที่รัฐบาลจีนควบคุมการระบาดของโรคได้อย่างรวดเร็ว มองว่ากรณีนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะสั้น ในกรอบเวลาไม่เกิน 1 เดือน โดยเบื้องต้นอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะจากเมืองอู่ฮั่น แต่จะไม่ส่งผลกระทบถึงภาพรวมของตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทย และการเดินทางท่องเที่ยวของชาวต่างชาติที่เป็นตลาดเป้าหมายของไทย ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงกรอบเป้าหมายเดิมว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยปีนี้ จะมีประมาณ 11.10 - 11.30 ล้านคน
          กรณีที่ 2 การแพร่ระบาดขยายเวลาเป็น 1-3 เดือน ภายใต้ภาวะที่รัฐบาลจีนต้องใช้เวลาในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในประเทศจีนนานขึ้น ซึ่งจะเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย แม้กรณีนี้จะยังไม่พบการแพร่ระบาดในประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ แต่เนื่องจากระยะเวลาของการแพร่ระบาดของโรคยาวนานขึ้น ย่อมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนเอง และสะท้อนกลับมายังกำลังซื้อของชาวจีนในประเทศ รวมถึงอาจจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศ และความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนด้วย ภายใต้กรณีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในปี 63 อาจลดลงเหลือ 10.77 - 10.94 ล้านคน หรือลดลงราว 0.5-2.0%
          โดยสถานการณ์ทั่วโลก ล่าสุดคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ยืนยันยอดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสดังกล่าวทั่วโลกล่าสุดพุ่งเป็น 7,711 ราย และเสียชีวิตเพิ่มเป็น 170 ราย โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ในประเทศจีน ขณะที่ในประเทศไทยเอง พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อมาจากต่างประเทศ 14 ราย แต่สามารถรักษาหายและกลับบ้านได้แล้ว 5 ราย ยังเหลืออีก 9 รายต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าแม้พบผู้ติดเชื้อแต่ยังไม่มีการแพร่ระบาดในประเทศไทย
          เมื่อพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ ที่ได้กล่าวมานี้ เชื่อว่ารายได้จากการท่องเที่ยวที่ส่วนหนึ่งมาจากนักท่องเที่ยวจีนคงต้องลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความหวังที่จะให้ภาคการท่องเที่ยวเป็นอีกเครื่องจักรหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ ร่วมกับภาคการส่งออกและการเร่งลงทุนภายในประเทศแม้จะไม่ถึงกับเลือนลาง แต่เชื่อว่าจะต้องออกแรงกันมากเป็นพิเศษอย่างแน่นอน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ