เปิดอก"ผู้ว่า ททท."ปรับยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวไทยปี 2020 เซ่นพิษไวรัสโคโรนาสะเทือนรายได้แสนล้าน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 30, 2020 17:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชื่อจีนควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาไม่เกินสิ้นเดือน เม.ย.63 หรือ 3 เดือน คาดกระทบนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน คิดเป็นรายได้หายไป 1 แสนล้านบาท แต่เป็นกังวลหากยืดเยื้ออาจต้องทบทวนผลกระทบใหม่ แต่ขณะนี้ยังย้ำเป้าปี 63 นักท่องเที่ยวต่างชาติ 40.8 ล้านคน แต่หวั่นรายได้พลาดเป้า เหตุบาทแข็ง งบประมาณล่าช้า ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอ ยอมรับห่วง Fake news กระทบความมั่นใจคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เตรียมชง ครม.เศรษฐกิจพรุ่งนี้ (31 ม.ค.) ออกมาตรการเยียวยาเอกชน-แผนฟื้นเชื่อมั่นท่องเที่ยว

*ไวรัสโคโรนาสะเทือนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเอเชีย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" แม้ว่าในอดีตจะเคยมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นหลายครั้ง อาทิ โรคซาร์สและโรคเมอร์ส แต่คราวนี้มองว่าการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีนสร้างผลกระทบรุนแรงและเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ทางการจีนต้องประกาศมาตรการเข้มข้นระงับการแพร่ระบาด เริ่มจากสั่งห้ามนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นลักษณะกรุ๊ปทัวร์ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ แม้ว่าชาวจีนที่ต้องการเดินทางไปทำธุรกิจยังสามารถเดินทางเข้าออกได้ปกติ แต่เลี่ยงไม่พ้นต้องมีผลกระทบแง่ของจิตวิทยาเดินทาง เป็นเหตุผลให้ชาวจีนชะลอเดินทางเข้าออกประเทศลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ยอมรับว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่เป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งเอเชีย ตามสถิติมีจำนวนชาวจีนที่เดินทางออกนอกประเทศไม่ต่ำกว่า 120 ล้านคน กระจายไปในหลายประเทศ โดยนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของหลายประเทศในเอเชีย ซึ่งตามข้อมูลพบว่าในปี 62 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในไทยกว่า 11 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยทั้งหมด

*เชื่อ 3 เดือนจีนยับยั้งไวรัสโคโรนาสำเร็จ แต่ฉุดรายได้ท่องเที่ยวไทย 1 แสนลบ.และหากยืดเยื้อต้องทบทวนใหม่

ปัจจุบัน ททท. ได้วิเคราะห์เหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอาจยืดเยื้อภายใน 3 เดือน (สิ้น เม.ย.) เนื่องจากได้นำกรณีศึกษาของผลกระทบในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส ในเมืองกวางตุ้ง ซึ่งช่วงนั้นทางการจีนใช้เวลาประมาณ 3 เดือนสามารถระงับการแพร่ระบาดได้ ก่อนที่สถานการณ์ต่างๆจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่ง ททท.อยู่ระหว่างติดตามผลว่าจีนจะสามารถระงับแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้เหมือนกับกรณีโรคซาร์สหรือไม่

นายยุทธศักดิ์ ยอมรับว่า ข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เกิดขึ้นก่อนเทศกาลตรุษจีนในไทย ทำให้จำนวนชาวจีนเข้ามาในไทยในส่วนดังกล่าวหดตัวชัดเจนจากเดิม ททท. คาดว่าในช่วงวันที่ 24-30 ม.ค.63 จะมีจำนวนชาวจีนเข้ามาร่วมงานกว่า 3 แสนคน นอกจากนี้ ภายใต้สมมติฐานว่าผลกระทบจะยืดเยื้อต่อไปอีก 3 เดือนจะมีผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่โดยปกติแล้วจะเดินทางเข้าในไทยเฉลี่ย 8 แสนคนต่อเดือน เมื่อไปรวมกับช่วงเทศกาลตรุษจีนคิดเป็นจำนวน 2.7 ล้านคน

ดังนั้น ททท. ประเมินผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนหายไปจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเป็นสัดส่วน 70% ก่อน หรือประมาณ 1.89 ล้านคนเป็นอย่างน้อย ซึ่งช่วงนี้อยู่ระหว่างติดตามผลกระทบว่าอาจจะสร้างความกังวลให้กับนักท่องเที่ยวชาติอื่นด้วย ดังนั้นจึงคาดว่าในช่วง 3 เดือนนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดจะหายไปไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน คิดเป็นรายได้หายไปจากระบบเศรษฐกิจไทยถึง 1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ถ้าสถานการณ์มีความยืดเยื้อคงต้องมาทบทวนประมาณการณ์ใหม่อีกครั้ง

"กรณีจีนประกาศห้ามเดินทาง ถือเป็นปัจจัยลบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว เรามีความกังวลว่าอาจจะกระทบจิตวิทยานักท่องเที่ยวชาติอื่นลดลงไปด้วย ซึ่งผลกระทบจะมีความชัดเจนมากในช่วง ก.พ.-มี.ค.63 เราจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก แต่ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับทางการจีน ก็ยังให้ความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้เร็ว ซึ่งถ้าสมมติว่าอีก 2 สัปดาห์หากการแพร่ระบาดไม่เพิ่มขึ้น อาจจะมีข่าวดีการปลดล็อกนักท่องเที่ยวจีนก็สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ฉะนั้นตัวแปรสำคัญต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจีนจะควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาได้รวดเร็วแค่ไหน"

*ททท.ห่วง Fake news ลุยเพิ่มนักท่องเที่ยวคนไทย-ชาติอื่นทดแทนชาวจีน

ปัจจุบัน ททท. มีแนวทางทำการตลาดมุ่งเน้นเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยให้เที่ยวภายในประเทศมากขึ้น จากสถิติในปี62 มีนักท่องเที่ยวคนไทยจำนวน 167 ล้านคนต่อครั้ง และในปี 63 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 172 ล้านคนต่อครั้ง สร้างรายได้ประมาณ 1.13 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกัน มีแผนทำการตลาดอย่างเข้มข้นเพื่อดึงนักท่องเที่ยวชาติอื่นเข้ามาเพิ่มเติม มุ่งขยายวันเข้าพักเพิ่มขึ้น เพิ่มความถี่เดินทางเข้าในไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในอาเซียน ,อินเดีย ,ญี่ปุ่น ,ไต้หวัน ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกล กำลังพิจารณาทำการตลาดช่วงเทศกาลอีสเตอร์อาจเป็นการเพิ่มสายการบินเช่าเหมาลำ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงเรื่องการแพร่ข่าวของ Fake news เป็นสิ่งกระทบความเชื่อมั่น ดังนั้นอยากให้ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือหรือหน่วยงานราชการ

"ต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวหายไปอย่างน้อย 2 ล้านคนเป็นจำนวนไม่น้อย แต่เราก็พยายามทำเต็มที่ แม้ว่าภาวะช่วงนี้จะทำให้คนเดินทางลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต่างชาติเข้ามาดู facebook website ของคนไทยอาจสร้างความกังวลว่าไทยยังมีความน่ากลัวอยู่ ไม่ใช่แค่คนต่างชาติไม่เข้ามา คนไทยอาจจะไม่เดินทางด้วย ฉะนั้นผมคิดว่าเราควรฟังข่าวสารอย่างมีสติ บางคนพูดเล่นๆว่าไม่ได้กลัว ไวรัส แต่กลัว Viral มากกว่า"

"สำหรับกรณีเรื่อง Fake news ขอความอนุญาตเลยครับ ผมเองตื่นมาเช้าๆ ส่งข้อมูลผ่านช่องทางไลน์ บางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องจริง อยากให้ทุกคนฟังข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานราชการที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะทุกหน่วยงานมีความเป็นห่วงสุขภาพอนามัยของคนไทยอยู่แล้ว ไม่มีรัฐบาลที่อยากให้คนไทยไม่สบาย"

*ย้ำเป้าปี 63 นักท่องเที่ยวต่างชาติ 40.8 ล้านคน แต่หวั่นรายได้พลาดเป้า

นายยุทธศักดิ์ ระบุว่า นอกจากปัจจัยเสี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่จะกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย อาทิ เงินบาทแข็งค่า,ภาวะเศรษฐกิจโลกยังเติบโตชะลอ โดยเฉพาะในประเทศที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก และล่าสุดมีประเด็นเรื่องบประมาณปี63 อาจจะเบิกจ่ายได้ล่าช้า แม้ว่า ททท. จะยังคงเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ไว้ที่ 40.8 ล้านคน แต่มีโอกาสรายได้จากการท่องเที่ยวไทยโดยรวมของ ททท. ที่ประมาณการณ์ไว้อาจไม่เป็นไปตามเป้า

อย่างไรก็ตาม การทบทวนเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวใหม่หรือไม่นั้น อยากให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปสักระยะก่อน แม้ว่าช่วงนี้กำลังสิ้นสุดไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยวระยะไกล แต่เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์ และถ้ากระตุ้นนักท่องเที่ยวได้ในช่วงโลว์ซีซั่นหลังจากเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นฤดูกาลผลไม้ น่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมาย

"แม้ว่างบประมาณปีนี้อาจเบิกจ่ายล่าช้า แต่ทาง ททท. มีพยายามแคะกระปุกออกไปก่อน เอางบประมาณของ ททท.มาดำเนินการต่างๆ เพื่อสามารถขับเคลื่อนการท่องเที่ยวต่อไปได้ เพราะถ้าเกิดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสะดุด คิดว่าน่าจะกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ งบประมาณจะเป็นอย่างไรก็ตามหน้าที่ก็ต้องเดินหน้าอย่างเดียว ปีนี้เรายังคงเป้าอยากเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 40.8 ล้านคน ถ้าพูดแบบเข้าข้างตัวเองปีหน้าก็ไม่ต่ำกว่า 41 ล้านคนคือเป้าที่เราอยากจะเห็น"

ปัจจุบัน ททท. ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวรวมในปี 63 ที่ 3.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปี 62 แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 2.02 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40.8 ล้านคน และตลาดในประเทศ 1.16 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากนักท่องเที่ยว 172 ล้านคนต่อครั้ง เพิ่มขึ้น 3%

*ชงมาตรการเยียวยาเอกชน-ฟื้นเชื่อมั่นเข้า ครม.เศรษฐกิจพรุ่งนี้ (31 ม.ค.)

ผู้ว่า ททท. กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.) เตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา หลังจากได้มีการหารือและรับข้อเสนอของภาคเอกชนมาในช่วงก่อนหน้านี้ มาตรการดังกล่าวจะเป็นลักษณะช่วยพยุงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระยะสั้น และมาตรการเข้ามาส่งเสริมความเข้มแข็งด้านอุปสงส์และอุปทานที่เป็นห่วงโซ่ของการท่องเที่ยวประเทศไทยหลังจากสถานการณ์ต่างๆกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

"แนวทางแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโคโรนาเรานำไปเทียบเคียงกับช่วงเกิดโรคซาร์ส เพราะเป็นบทเรียน แต่ก็จะปรับให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน พร้อมกับช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ แม้ว่าในระยะแรกคนกำลังตื่นตนกเราคงทำอะไรไม่ได้มาก แต่อยากเน้นย้ำว่าไทยไม่ได้อยู่ในพื้นที่แพร่ระบาด ปัจจุบันมีผู้ป่วย 14 คนไม่เปลี่ยนแปลง ข้อเท็จจริง 5 คนกลับไปแล้ว ซึ่งก็รักษาหายทุกคน และการที่เราเจอผู้ติดเชื้อ สะท้อนว่าการเฝ้าระวังมีประสิทธิภาพถึงได้เจอผู้ติดเชื้อ กิจกรรมต่างๆยังต้องเดินหน้าต่อไป และมีมาตรการพยุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระยะสั้น เป็นไปตามข้อเสนอของเอกชน"

วานนี้ ผู้ว่า ททท.ระบุว่า มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่จะนำเสนอ ครม.เศรษฐกิจ ได้แก่ ขอลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้กับสายการบิน, ขอให้รัฐบาลจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว, การปรับลดค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินทั้ง Parking Fee และ Landing Fee สำหรับไฟล์ทที่เป็นตลาดทดแทนตลาดจีน เป็นต้น พร้อมกันนี้ ในเบื้องต้นจะมีการเสนอมาตรการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลังด้วย เช่น การอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในการเข้าเมือง, การบริหารจัดการทัวร์อย่างมีคุณภาพ และการส่งเสริมชาร์เตอร์ไฟล์ท เป็นต้น

https://youtu.be/xASZlM5cvcc


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ