ผลสำรวจของดัน แอนด์ แบรดสตรีท (Dun & Bradstreet : D&B) ระบุว่า บรรดาผู้บริหารชาวออสเตรเลียคาดว่า การดำเนินธุรกิจของพวกเขาจะยังคงได้รับผลกระทบในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลด้านอัตราดอกเบี้ยและค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น
โดยตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทปรับตัวลดลง 12 จุดจากในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้บริหารร้อยละ 32 ที่ตอบรับการสำรวจคาดว่า ผลกำไรจะปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสที่สอง ขณะที่ร้อยละ 32 คาดว่า ผลกำไรจะปรับตัวลดลง ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์ยอดขายปรับตัวลดลง 5 จุดจากไตรมาส 4 ของปี 2550 เช่นเดียวกับราคาสินค้าในไตรมาสสองที่ลดลง 5 จุดจากที่ทำการสำรวจก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ผู้บริหารประมาณร้อยละ 39 ยังคงมองว่า อัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทมากที่สุด ซึ่งขณะนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 12 ปี ขณะเดียวกัน ผู้บริหารยังมีความวิตกกังวลต่ออัตราค่าแรงที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยร้อยละ 27 คาดว่า อัตราค่าจ้างพนักงานเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานในไตรมาสที่สองของปีนี้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นยังสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้บริหารไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยร้อยละ 26 มองว่าต้นทุนด้านเชื้อเพลิงส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานมากที่สุด ซึ่งภาวะดังกล่าวได้สร้างความเสียหายต่อภาคธุรกิจสูงถึงร้อยละ 78 ขณะที่ความกังวลในตลาดสินเชื่อยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งผู้บริหารร้อยละ 56 คาดว่า สถานการณ์ด้านตลาดสินเชื่อที่ตึงตัวส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน
นางคริสตีน คริสเตียน ประธานฝ่ายบริหารของ D&B กล่าวว่า "สัญญาณเบื้องต้นที่บ่งชี้ถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเริ่มปรากฎให้เห็นจากตัวเลขคาดการณ์ยอดขาย ผลกำไร และราคาสินค้า"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์:
[email protected]