นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ 32.61 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิด ตลาดตอนเช้าที่ระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 32.36 - 32.65 บาท/ดอลลาร์
"ระหว่างวันเงินบาทวิ่งค่อนข้างกว้าง ช่วงเช้าแข็งค่าแต่พอบ่ายก็กลับมาอ่อนค่า ระหว่างวันตลาด SET ร่วงจากกลุ่ม พลังงานอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญ" นักบริหารเงิน กล่าว
สำหรับทิศทางค่าเงินบาทวันจันทร์ให้กรอบไว้ระหว่าง 32.45 - 32.65 บาท/ดอลลาร์ อาจจะต้องรอดูคืนนี้ว่าสภาผู้ แทนราษฎรสหรัฐฯ จะผ่านร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์หรือไม่, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน รวมทั้งปัจจัยในประเทศว่าจะมีมาตรการหรือประกาศอะไรออกมาเพิ่ม เติมหลังจากประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 108.80 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าอยู่ที่ระดับ 108.50 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.1000 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าอยู่ที่ระดับ 1.1043 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,099.76 จุด เพิ่มขึ้น 7.80 จุด, +0.71% มูลค่าการซื้อขาย 65,440.05 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 226.57 ล้านบาท (SET+MAI)
- โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.
เผยกระทรวงมหาดไทยเตรียมยกระดับความเข้มข้นทุกมาตรการเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก
และความเสี่ยงสูง ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพและปริมณทล ชลบุรี พัทยา ระยอง อุบลราชธานี และที่เน้นหนักมากเป็นพิเศษ คือ
สงขลา ภูเก็ต ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยจะเพิ่มจุดคัดกรองทั่วประเทศเป็น 377 จุด
- กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19ในประเทศไทยวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 91 ราย เสีย
ชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1,136 ราย รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 1,034 ราย อาการหนัก 11 ราย กลับบ้าน
97 ราย เสียชีวิต 5 ราย
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขเงินสำรองระหว่างประเทศ วันที่ 20 มี.ค. อยู่ที่ 219.9 พัน
ล้านดอลลาร์ จากวันที่ 13 มี.ค.63 อยู่ที่ 229.2 พันล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันฐานะฟอร์เวิร์ดสุทธิของไทย วันที่ 20 มี.ค.63 อยู่
ที่ 35.1 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับวันที่ 13 มี.ค.63 อยู่ที่ 32.0 พันล้านดอลลาร์ เงินสำรองระหว่างประเทศในรูปเงินบาทวัน
ที่ 6 มี.ค.63 อยู่ที่ 7,151.9 พันล้านบาท จาก 7,324.7 พันล้านบาท เมื่อวันที่ 13 มี.ค.63
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า การลงทะเบียนรับสิทธิตาม
มาตรการเยียวยา 5,000 บาท (3 เดือน) ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ในวันที่ 28 มี.ค.63
ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป และเว็บไซต์จะเปิดตลอด 24 ชม.ดังนั้นในขณะนี้ประชาชนไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาของ
ธนาคารเพื่อเปิดบัญชีใหม่หรือเพื่อลงทะเบียน โดยสามารถลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง หรือให้ผู้ใกล้ชิดช่วยลงทะเบียนให้ได้
- รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางแห่งประกาศปิดกองทุนเปิดตราสารหนี้
นั้นไม่ได้สะท้อนว่าเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ไม่ดี แต่สภาพตอนนี้เกิดปัญหาจากความตื่นตระหนกทำให้นักลงทุนขายหน่วยลงทุนออกมา
มาก
- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) หรือ ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า การปิดกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.
ทหารไทย อิสท์สปริง (TMBAM Eastspring) จำนวน 4 กองทุนนั้น เป็นเรื่องเฉพาะกองทุนที่เผชิญแรงเทขายจากความกังวล
สถานการณ์โควิด-19 ซึ่งกองทุนต้องยึดแนวคิดดูแลและปกป้องลูกค้าทุกกลุ่มเป็นสำคัญ
- เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
(โควิด-19) ที่ขยายวงกว้างขึ้นและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังได้มีมาตรการให้เลื่อนเวลา
การชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบระยะเวลาบัญชีปี 2562 (ภ.ง.ด.50) เป็นภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบนั้น เพื่อให้เงื่อนไขด้านการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของบีโอไอสอดคล้องกับมาตรการ
ของกระทรวงการคลัง บีโอไอจึงได้ขยายกำหนดเวลาการยื่นขอใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นภายในวันที่ 31
กรกฎาคม 2563 หรือก่อนครบกำหนดเวลายื่นรายการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อความสะดวกของผู้ได้รับการ
ส่งเสริมการลงทุน
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (MIS) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยาย
ตัวของเศรษฐกิจอินเดียลงเหลือ 2.5% ในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 5.3% หลังจากเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
- ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (repo rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ย
นโยบายลง 0.75% สู่ระดับ 4.40% จากระดับ 5.15% พร้อมประกาศมาตรการเพิ่มสภาพคล่อง โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับผล
กระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19