หนังสือพิมพ์นิว สเตรท ไทม์รายงานว่า มาเลเซียจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าน้ำมัน การซื้อขายล่วงหน้าและการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์เกี่ยวกับตราสารอนุพันธ์น้ำมันในเอเชียตะวันออก หลังจากที่โครงการสร้างท่อส่งน้ำมันข้ามคาบสมุทร (TranPen) มูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ได้เริ่มดำเนินงาน โครงการสร้างท่อส่งน้ำมันครั้งนี้ จะช่วยสร้างแนวความคิดที่เป็นรูปธรรมในตลาดน้ำมันเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นตลาดน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ ภายใต้การสร้างคลังเก็บน้ำมัน "ผู้ประกอบการต่างๆจะสามารถเก็บน้ำมันไว้ที่ท่อส่งน้ำมันข้ามคาบสมุทร ภายในระยะเวลา 30-90 วัน โดยจ่ายตามรายได้ที่ถูกหักภาษีสุทธิในราคาต้นทุนการขนส่ง เมื่อท่อส่งน้ำมันดังกล่าวดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบ" ผู้สังเกตการณ์ภาคอุตสาหกรรมกล่าว ทั้งนี้ เขากล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการส่งน้ำมันผ่านทางช่องแคบมะละกาจำนวน 12 ล้านบาร์เรลต่อวันแล้ว และอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2563 การจัดเก็บน้ำมันในท่อส่งน้ำมันข้ามคาบสมุทรแห่งนี้เป็นระยะเวลา 30 วัน จะเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับการแลกเปลี่ยนน้ำมันให้กับประเทศเอเชียตะวันออกในมาเลเซีย ธนาคารกลางของมาเลเซีย และธนาคารกลางของซาอุดิ อาระเบียได้ลงนามข้อตกลงการแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ตะวันออกกลางและธนาคารกลางมาเลเซียสามารถได้ผลประโยชน์จากการจัดการโครงการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ เพื่อช่วยให้ได้กำไรจากตราสารอนุพันธ์น้ำมัน นับตั้งแต่น้ำมันได้กลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินสำคัญที่ช่วยเอื้อประโยชน์ต่อการจัดการสภาพคล่องทางการเงินและการลงทุน จากการที่มาเลเซียตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของตลาดน้ำมันในเอเชียตะวันออก ส่งผลให้มาเลเซียอยู่ในเขตไทม์โซนระหว่างผู้บริโภครายสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและผู้ผลิตจากตะวันออกกลาง สำนักข่าวซินหัวรายงาน