นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงการคลังเปิดให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิเงินเยียวยา 5,000 บาทรวม 3 เดือน ผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. จนถึงล่าสุดขณะนี้พบว่ามียอดผู้ลงทะเบียนแล้ว 27.5 ล้านคน โดยผู้ที่ผ่านคุณสมบัติและได้รับเงินเยียวยาไปแล้วมีกว่า 3.2 ล้านคน ซึ่งผู้ที่ได้รับ SMS ว่าไม่ผ่านหลักเกณฑ์ สามารถมาแจ้งขอทบทวนสิทธิได้ทางเว็บไซต์เดิม เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.เป็นต้นไป
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้ที่มาแจ้งขอทบทวนสิทธิ อันเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับผลการคัดกรองตัวตนในรอบแรก ซึ่งทำให้ไม่ผ่านเกณฑ์ได้รับเงินเยียวยา เช่น ถูกระบุอาชีพไม่ตรงกับความเป็นจริงนั้น เมื่อมาแจ้งขอทบทวนสิทธิแล้ว เจ้าหน้าที่จะติดต่อไปขอนัดเพื่อจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานะ อาชีพ และสถานประกอบการที่แท้จริง ซึ่งเมื่อตรวจสอบในขั้นตอนนี้แล้ว จะสามารถทราบผลได้ทันทีว่าจะผ่านเกณฑ์และมีสิทธิได้รับเงินเยียวยาหรือไม่
"กระบวนการเราจะไม่ช้า เช่น ถ้าวันที่ 20 เม.ย.ท่านแจ้งขอทบทวนสิทธิเข้ามา ก็จะมีการตอบคำถามสั้นๆ เพื่อยืนยันว่าตัวตนท่านจริงๆ แล้วประกอบอาชีพอะไร แล้วแจ้งที่อยู่ เบอร์ติดต่อไว้ หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อท่าน เพื่อขอนัด และลงพื้นที่ไปตรวจสอบดูว่าท่านประกอบอาชีพนั้นจริงตามที่แจ้งไว้หรือไม่ พอเจ้าหน้าที่ไปถึง ก็จะมีการถ่ายรูปท่าน, บัตรประชาชน และที่ทำงานของท่าน จากนั้นก็จะนำข้อมูลเหล่านี้ส่งเข้าระบบที่ส่วนกลาง ถ้าข้อมูลถูกต้องเข้าเกณฑ์ ท่านก็จะได้รับการคืนสิทธิ คือรอบนี้จะรู้เลยว่าใช่ หรือไม่ใช่ จะไม่มีตรงกลางแล้ว" นายลวรณกล่าว
พร้อมระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานะของผู้ที่มายื่นขอทบทวนสิทธิ จะเป็นเจ้าหน้าที่จากคลังจังหวัดและธนาคารเฉพาะกิจของรัฐในแต่ละพื้นที่ โดยร่วมกับทีมเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยในแต่ละจังหวัด ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีผู้มายื่นขอทบทวนสิทธิครั้งนี้เป็นล้านคน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้การลงพื้นที่ตรวจสอบสถานะทำได้อย่างทั่วถึง และประชาชนได้รับเงินเยียวยาได้เร็วที่สุด
นายลวรณ กล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลังไม่เคยตั้งเป้าหมายว่าจะมีจำนวนผู้มาขอรับสิทธิเงินเยียวยา 5,000 บาทจำนวนกี่คน เพราะหากท้ายสุดแล้วจะมียอดผู้มาขอรับการเยียวยาสูงถึงระดับ 20 ล้านคน แต่ถ้าเป็นผู้ที่ผ่านคุณสมบัติทั้งหมดเพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 อย่างแท้จริง ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเข้าไปดูแลตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับไว้ว่าจะต้องดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและไม่ให้ตกหล่น
นายลวรณ กล่าวด้วยว่า จำนวนผู้ที่ได้รับเงินเยียวยาแล้วกว่า 3.2 ล้านราย คิดเป็นเงินจำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท โดยกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พยายามเร่งกระบวนการคัดกรองผู้ลงทะเบียนเพื่อให้เงินเยียวยาถึงมือทุกคนที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วที่สุด
* ปิดลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 22 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้มาลงทะเบียนใหม่เริ่มไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 โดยส่วนใหญ่ได้มาลงทะเบียนเพื่อรับความช่วยเหลือเยียวยาแล้ว จึงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ที่ต้องการให้การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างครอบคลุมและทั่วถึง
กระทรวงการคลังจึงกำหนดวันปิดรับลงทะเบียนในวันที่ 22 เมษายน 2563 เวลา 24.00 น. (ตามที่ได้เคยประกาศไว้ว่าจะแจ้งล่วงหน้าให้ทราบก่อนวันที่จะปิดการลงทะเบียน) ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการเปิดรับการขอทบทวนสิทธิ์สำหรับประชาชนที่ไม่ผ่านเกณฑ์และไม่เห็นด้วยกับผลการคัดกรอง ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 20 เม.ย.63 เวลา 6.00 น. ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com