สาวใหญ่กรอกยาหน้า ก.คลัง ประท้วงอดเงิน 5,000 บาท แต่ตรวจสอบภายหลังพบเป็นผู้ได้สิทธิ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 27, 2020 18:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เกิดเหตุหญิงวัย 59 ปีกินยาเบื่อหนูหวังฆ่าตัวตายหน้ากระทรวงการคลังเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.เนื่องจากไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ผ่านการลงทะเบียนเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com และไม่มีเจ้าหน้าที่ออกมารับเรื่อง แต่ได้รับการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่กู้ชีพนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน ขณะที่จากการตรวจสอบพบว่าผู้หยิงคนดังกล่าวผ่านการตรวจสอบแล้วและอยู่ระหว่างรอรับเงินเยียวยา

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมีการปิดประตูทุกจุด โดยเปิดเฉพาะประตู 4 สำหรับเข้า และประตู 1 สำหรับออก โดยมีคำสั่งให้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจเข้มบุคคลเข้าออก ทุกประตู ถ้าไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า หลังจากช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ไม่ได้รับสิทธิ์เดินทางมาที่กระทรวงการคลัง เรียกร้องขอรับเงินเยียวยา จนเกิดความโกลาหล

ล่าสุด นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นผู้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท/เดือน และอยู่ในกลุ่มที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันได้ผ่านการตรวจสอบไปแล้ว และอยู่ระหว่างการรอโอนเงิน 5,000 บาทเข้าบัญชีในวันที่ 29 เม.ย.นี้

"ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมดูแลผู้เดือดร้อนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง โดยผู้เกิดเหตุครั้งนี้ก็มีชื่อจะได้รับเงินอยู่แล้ว ซึ่งระบบได้อนุมัติข้อมูลไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ได้เพิ่งมาอนุมัติหลังจากการกรอกยาฆ่าตัวตายที่กระทรวงการคลัง โดยวันที่ 29 เม.ย.นี้ คลังจะมีการโอนเงินให้ผู้ผ่านการตรวจสอบถึง 1 ล้านราย ซึ่งถือเป็นรอบใหญ่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลมีการจ่ายเงินเยียวยามา"

นายลวรณ กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 8-24 เม.ย.ได้โอนเงินให้ผู้ได้รับสิทธิแล้ว 4.9 ล้านราย คิดเป็นจำนวนเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท และในช่วงวันที่ 27-28 เม.ย.63 มีกำหนดทยอยโอนเงินให้ผู้ได้รับสิทธิอีก 1.5 ล้านราย, วันที่ 29 เม.ย.63 จะโอนเงินเยียวยาให้อีก 1.1 ล้านราย ถือเป็นจำนวนสูงสุดต่อวันตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 8-29 เม.ย.63 จะมีผู้ได้รับเงินเยียวยารวม 7.5 ล้านราย คิดเป็นเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ มีความคืบหน้าในด้านอื่นที่น่าสนใจ ได้แก่ มีผู้ขอยกเลิกการลงทะเบียน 9.4 แสนราย ขอทบทวนสิทธิ 3.4 ล้านราย ขอสละสิทธิ 1,675 ราย และมีกลุ่มขอข้อมูลเพิ่มเติมจำนวน 6.3 ล้านราย ได้เข้ามากรอก แบบสอบถามออนไลน์เรียบร้อยแล้ว 5.2 ล้านราย ยังคงเหลือผู้ไม่มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก 1.1 ล้านราย จึงขอให้เร่งเข้ามา กรอกแบบสอบถามที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com เพื่อประโยชน์ในการรับสิทธิจากมาตรการอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้เปิดให้ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองขอทบทวนสิทธิได้นั้น กระทรวงการคลังได้มอบหมาย "ผู้พิทักษ์สิทธิ" จำนวนกว่า 23,000 คน สับเปลี่ยนลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติงานทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2563 เป็นต้นมา ไม่เว้นวันหยุดราชการ เพื่อทำหน้าที่ยืนยันตัวตนและตรวจสอบการประกอบอาชีพ ตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และรวมถึงสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น

ทั้งนี้ ในหลายพื้นที่ผู้พิทักษ์สิทธิได้ร่วมเดินทางไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยด้วย โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติงานและหน้าที่ของผู้พิทักษ์สิทธิดังนี้ 1.ผู้พิทักษ์สิทธิจะโทรศัพท์นัดหมายผู้ทบทวนสิทธิล่วงหน้าทุกราย 2.เมื่อลงพื้นที่ไปพบผู้ทบทวนสิทธิผู้พิทักษ์สิทธิจะมีการแสดงตนอย่างชัดเจน (อาจขอให้ผู้พิทักษ์สิทธิ แสดงบัตรประจำตัวหรือเอกสารหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานได้)

3.จะมีการใช้แอพพลิเคชั่น "ผู้พิทักษ์สิทธิ" ที่ติดตั้งในโทรศัพท์มือถือของฝ่ายเจ้าหน้าที่ เป็นเครื่องมือ ในการขอยืนยันตัวตนของผู้ทบทวนสิทธิและถ่ายภาพหลักฐานต่างทุกขั้นตอน 4. ข้อมูลที่สำรวจและจัดเก็บจะถูกส่งตรงจากแอพพลิเคชั่นกลับมายังฐานข้อมูลของกระทรวงการคลังเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ขอทบทวนสิทธิดำเนินการดังต่อไปนี้ 1.เมื่อท่านได้ยื่นความประสงค์ขอทวบทวนสิทธิผ่านเว็บไซต์แล้ว ขอให้เตรียมบัตรประจำตัวประชาชน ตัวจริง ตลอดจนเอกสารและหลักฐานแสดงการประกอบอาชีพล่วงหน้าให้พร้อม เช่น ภาพถ่ายการประกอบอาชีพตาม อาชีพที่ได้ลงทะเบียนไว้ ใบอนุญาตประกอบอาชีพ ภาพถ่ายกับสถานประกอบการ เป็นต้น 2.ผู้พิทักษ์สิทธิมีหน้าที่ยืนยันตัวตนและตรวจสอบการประกอบอาชีพตามที่ได้ลงทะเบียนไว้โดยไม่มี อำนาจพิจารณาคุณสมบัติว่าท่านจะได้รับเงินเยียวยาหรือไม่ ขอให้ระมัดระวังการแอบอ้างหลอกลวงโดยผู้ไม่หวังดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากท่านไม่ได้ยื่นขอ ทบทวนสิทธิกระทรวงการคลังจะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงไปนัดหมายพบปะกับท่านแต่อย่างใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ