นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.40 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.45 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวตามแรงซื้อขายดอลลาร์ในกรอบ 32.39-32.48 บาท/ ดอลลาร์
"ช่วงเข้าบาททยอยอ่อนค่าหลังมีแรงซื้อดอลลาร์จากผู้นำเข้าทองคำ แต่พอตกบ่ายแรงซื้อดอลลาร์แผ่วลงบาทจึงกลับมา แข็งค่าเกือบระดับต่ำสุดของวัน" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์ โดย ปัจจัยที่นักลงทุนจับตาดูช่วงนี้ ได้แก่ ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ของประเทศต่างๆ
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 106.45 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 106.28 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.0795 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0797 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,257.98 จุด ลดลง 20.65 จุด, -1.62% มูลค่าการซื้อขาย 56,253.32 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,028.58 ล้านบาท (SET+MAI)
- คณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศ
ไทยในปีนี้จะหดตัว -3% ถึง -5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน มี.ค.ว่าจะเติบโตที่ระดับ 1.5-2.0% หลังจากในช่วงไตรมาส 1/63
คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว -5% ขณะที่การส่งออกทั้งปีประเมินว่าจะหดตัว -5% ถึง -10%
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไทยผลักดันสู่จุดต่ำ
สุดในรอบกว่า 9 ปี ด้วยปริมาณการผลิตที่อาจหดตัวสูงถึงกว่า 25% ส่งออกหดตัวสูงกว่า 29% และตลาดในประเทศอาจหดตัวถึง 21% แต่
อาจสร้างโอกาสให้ไทยกลายเป็นฐานการผลิตใหม่ในภูมิภาคจากการที่ค่ายรถยนต์มองแนวทางกระจายความเสี่ยงหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่
คลาย
- ศบค.เผยวันนี้พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,992 ราย ขณะที่รักษาหายเพิ่ม
ขึ้น 11 ราย รวมผู้ป่วยที่หายป่วยกลับบ้านได้แล้ว 2,772 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 165 ราย โดยวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้
ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 55 ราย
- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 2 คงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ในการประชุมวันนี้ พร้อมทั้งคงวงเงินในการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไว้ที่
6.45 แสนล้านปอนด์
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เผยจากการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) บ่งชี้ว่า ธนาคารชั้นนำของอังกฤษยังคง
สามารถปล่อยเงินกู้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(GDP) จะร่วงลงเกือบ 30% ในไตรมาส 2/63 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/62 และจะฟื้นตัวขึ้นเมื่อมีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์
- สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีร่วงลง 9.2% ในเดือนมี.ค.เมื่อ
เทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติในเดือนม.ค.2534 เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัส
โควิด-19
- ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนการยุติมาตรการล็อกดาวน์ควรดำเนินการอย่างระมัดระวังให้มากที่สุด
หลังจากหลายประเทศกำลังพิจารณาแนวทางการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวมากขึ้นเรื่อยๆ
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินอยู่ที่ระดับ 44.4 ในเดือน เม.ย. ซึ่งแม้
ว่าปรับตัวขึ้นจากระดับ 43 ในเดือนมี.ค. แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของจีนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานยอดส่งออกเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นัก
วิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า อาจลดลง 11%
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส (Insee) เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค.ร่วงลงรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้
เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง