ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.16 แข็งค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้า ตลาดขาดปัจจัยชี้นำใหม่ เกาะติดสถานการณ์โควิด-การค้าสหรัฐฯกับจีน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 11, 2020 17:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 32.16 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดที่ ระดับ 32.19 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 32.13-32.26 บาท/ดอลลาร์

"ตลาดยังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้น-ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยค่อนข้างเยอะ ต้องรอดูรายงาน อย่างเป็นทางการจากตลาดหลักทรัพย์"นักบริหารเงิน กล่าว

สำหรับทิศทางวันพรุ่งนี้ยังต้องติดตามสถานกาณณ์โควิด หลังเริ่มมีการคลายล็อกว่าการแพร่ระบาดของเชื้อระลอกใหม่จะ กลับมาอีกหรือไม่ รวมทั้งความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน

สำหรับวันพรุ่งนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไว้ระหว่าง 32.10-32.25 บาท/ดอลลาร์

*ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.22 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 106.95 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0822 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.0843 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,287.30 จุด เพิ่มขึ้น 21.28 จุด, +1.68% มูลค่าการซื้อขาย 56,801.03 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,364.79 ลบ.(SET+MAI)
  • ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence
Index) ประจำเดือน พ.ค.63 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวหลังจากปรับตัวลงอยู่
ในเกณฑ์ซบเซาติดต่อกันสามเดือน
  • ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินเยียวยา
5,000 บาท ในโครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" ให้แก่ผู้ประกอบอาชีพอิสระ นักเรียน นักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส
โควิด-19 ที่ผ่านเกณฑ์แล้ว 14 ล้านคน ได้ทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้
  • McKinsey ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ ได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากบริษัทชั้นนำ 5,000 บริษัทด้านมูลค่าตลาด (Market
Capitalization) พบว่าภายหลังจากการเกิดวิกฤติโควิด-19 มูลค่ารวมของบริษัทมีการลดลงในทุกๆกลุ่มอุตสาหกรรม โดยกลุ่ม
อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบสูงเป็นอันดับต้นๆ คือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่ง Market Capitalization ลดลงไป
กว่า 35%
  • รัฐมนตรีการค้าเอเปค (กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก) ได้ออกแถลงการณ์เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด
ของไวรัสโควิด-19 โดยได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะให้ความสำคัญกับการเปิดตลาดด้านการค้าและการลงทุนที่เสรี เป็นธรรม โปร่ง
ใส และมีเสถียรภาพ เน้นสนับสนุนการอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนของสินค้าและบริการที่จำเป็นเพื่อต่อสู้กับโควิด-
19 โดยเฉพาะยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ สินค้าเกษตร อาหาร และอุปกรณ์ที่จำเป็น รวมทั้งรักษาความเชื่อมโยงทางการค้า และ
อำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายบุคลากรข้ามพรมแดน พร้อมทั้งใช้มาตรการฉุกเฉินชั่วคราวที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการค้า และสอดคล้อง
กับกฎเกณฑ์องค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ)
  • รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ได้หารือร่วมกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ถึง
แนวทางการกำหนดวงเงินพันธบัตรภาครัฐให้อยู่ในระดับเหมาะสม โดยคำนึงถึงแผนการระดมทุนภาครัฐและความต้องการลงทุนที่อาจปรับ
เปลี่ยนรวดเร็วในสภาวการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นวงกว้าง ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรมีความผันผวนเพิ่มขึ้น ในการนี้ธปท.
จึงพิจารณาปรับแผนการออกพันธบัตร ธปท. ปี 2563 โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้สำหรับแผนการออกพันธบัตร ธปท. เดือนพฤษภาคม 2563
เป็นต้นไป
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC
Confidence Index) เดือนเม.ย.63 ซึ่งสำรวจจากความคิดเห็นของหอการค้าจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 22-29 เม.
ย.63 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ 32.1 ลดลงต่อเนื่องจากเดือนมี.ค. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 37.5 และลดลง
ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 โดยเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 28 เดือน หรือกว่า 2 ปี
  • ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ (CSIS) คาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-
19) จะทำให้ยอดการซื้อสินค้าจากสหรัฐของจีนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในข้อตกลงการค้าเฟสแรก
  • รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ แต่การที่สหรัฐให้ความ
สำคัญกับการเปิดเศรษฐกิจ ก็อาจทำให้ภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในไตรมาสที่ 3
  • หัวหน้านักวิเคราะห์จากมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เตือนว่า สหรัฐมีความเสี่ยงที่โควิด-19 จะกลับมาระบาดหนักรอบที่ 2 เนื่องจาก
การเปิดเศรษฐกิจเร็วเกินไปทำให้ประชาชนกลับมารวมตัวเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ หากเกิดการระบาดอีกครั้ง จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจที่บอบช้ำอยู่แล้วให้เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งที่ช่วงนี้ยังไม่มีวัคซีนรักษาโรค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ