ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากรายงาน Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางในช่วงต้นฤดูร้อนที่ผ่านมา สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3707 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3830 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาร่วงลงแตะระดับ 93 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 96.72 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์แคนาดา ในระหว่างวันนั้น สกุลเงินดอลลาร์แคนาดาทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปีเนื่องจากรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางแคนาดาจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 120.50 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 120.41 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 2.0515 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0639 ดอลลาร์ต่อปอนด์ นายไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ออฟนิวยอร์กกล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นแม้สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนมิ.ย.ลดลง 3.8% แตะระดับ 5.75 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี "แต่ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของเฟดที่รtบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวขึ้นปานกลางในช่วงต้นฤดูร้อนที่ผ่านมา และระบุว่าดัชนีราคาผู้บริโภคยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายวูลฟอล์คกล่าว รายงาน Beige Book ฉบับล่าสุดเป็นรายงานที่จัดเตรียมไว้เพื่อช่วยประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 7 ส.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 5.25%