นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จะนำผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทมาเป็นปัจจัยในการพิจารณาทบทวนคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปีนี้ ที่จะมีการรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกการเงิน(กนง.)ในสัปดาห์หน้า สำหรับข้อเสนอของภาคเอกชนที่อยากให้ กนง.พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และลดแรงกดดันที่ทำให้เงินบาทแข็งค่านั้น นางอัจนา กล่าวว่า เป็นเรื่องทุกฝ่ายสามารถออกความเห็นได้ ซึ่ง ธปท.พร้อมจะรับฟังความเห็นทั้งหมด แต่การพิจารณาขึ้นกับ กนง.ที่จะใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบอยู่แล้ว ขณะที่นายพิชัย เลิศสุพงษ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต คาดว่า ที่ประชุม กนง.ในสัปดาห์อาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไม่เกิน 0.25% หรืออาจตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม เพราะการลดอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้อาจไม่ได้มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนัก เนื่องจากปัญหาในขณะนี้อยู่ที่ความเชื่อมั่น ส่วนสถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทในขณะนี้เกิดขึ้นจากการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ ดังนั้น จึงเห็นว่าทางการควรเร่งส่งเสริมและสนับสนุนให้เอกชนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้น