นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.67/69 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.76 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทช่วงเย็นนี้ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากในช่วงเช้า แม้วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะออกมาระบุว่าพร้อมใช้ มาตรการที่จำเป็นเพื่อไม่ให้บาทแข็งค่าซ้ำเติมเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ โดยเงินบาทที่ระดับปิดตลาดวันนี้ถือ ว่าแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน สำหรับสาเหตุที่บาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง เป็นเพราะดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับหลายสกุลหลักอื่นๆ จากเหตุการณ์ประท้วงอยู่ในหลายเมืองขณะนี้
"แม้แบงก์ชาติจะออกมาพูดเมื่อเช้าเรื่องพร้อมใช้มาตรการที่จำเป็น เพื่อไม่ให้บาทแข็งค่าซ้ำเติมเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ ระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าลง วันนี้กลับแข็งค่าขึ้นในรอบ 4 เดือน สาเหตุหลักน่าจะมาจากดอลลาร์อ่อนค่า เพราะมีเหตุชุมนุมประท้วงใน หลายเมือง" นักบริหารเงินระบุ
อย่างไรก็ดี เงินบาทยังมีทิศทางที่จะแข็งค่าได้ต่อ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังมีปัจจัยกดดันในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์นี้อยู่
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.80 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.61/64 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 107.66 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1114/1118 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1134 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,352.37 จุด เพิ่มขึ้น 9.52 จุด (+0.71%) มูลค่าการซื้อขาย 65,155 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,408.45 ลบ. (SET+MAI)
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความกังวลว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าสกุลเงินส่วน
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนพ.ค.63 พบว่า ดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 34.4
- อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อาเซียนกำหนดจัดประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอา
- โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ สกุลเงินหยวนของจีนจะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 7.25 หยวนต่อ
- นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐขู่ตอบโต้จีนที่จะบังคับใช้กฎหมาย
-ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 39.4 ในเดือนพ.ค. ลดลงเล็ก น้อยจากระดับเบื้องต้นที่ 39.5 แต่เพิ่มขึ้นจากระดับ 33.4 เมื่อเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ ดัชนี PMI ยังคง ปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงเผชิญภาวะหดตัว โดยมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของยอดคำสั่งซื้อใหม่และยอดการ ผลิต
- ธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า โดยทั่วไปแล้วความเสี่ยงด้านการเงินในประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ แม้
- โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมายืนยันว่า พร้อมใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐ หลังจากสหรัฐประกาศว่าจะยุติการให้
สถานะพิเศษแก่ฮ่องกง โดยการกระทำดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนที่ตึงเครียดอยู่แล้วนั้น ย่ำแย่ลงกว่าเดิม