รมว.คลัง รับข้อเรียกร้องผู้ประกอบการโลจิสติกส์บรรเทาผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 10, 2020 16:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนต้องหยุดกิจการและเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก ว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างครอบคลุมทุกกลุ่ม เพราะไม่เพียงทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ยังมีผลกระทบเรื่องการจ้างงาน การเลิกกิจการ รายได้และค่าครองชีพลดลง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดูแลช่วยเหลือ

สำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.แนวทางการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า โดยการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการผ่านมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้ปล่อยกู้ไปแล้ว 7 หมื่นล้านบาท จึงยังมีวงเงินเหลือเพียงพอ และซอฟท์โลนของธนาคารออมสิน วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ผู้ประกอบการโลจิสติกส์สามารถไปใช้วงเงินดังกล่าวเพื่อเสริมสภาพคล่องได้

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในการเร่งออกมาตรการเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินในระบบสถาบันการเงินได้ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า

2.แนวทางการให้ความช่วยเหลือในระยะฟื้นฟูซึ่งถือเป็นช่วงสำคัญ จะมีมาตรการสินเชื่อเพื่อการปรับตัว เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีการปรับตัวเพื่อรับกับรูปแบบธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และจะมีการประสานงานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และกระทรวงอุตสาหกรรมในการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อรวมรวบข้อมูลเรื่องการขนส่งของประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจโลจิสติกส์ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน

ด้านนายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถขนส่งของผู้ประกอบการโลจิสติกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่หยุดกิจการหรือเลิกจ้างพนักงานแล้ว 1.4 ล้านคัน โดยในจำนวนนี้ แบ่งเป็นผู้ประกอบการขนส่งโดยสาร ซึ่งไม่เกี่ยวกับ บขส.-ขสมก.ที่ได้รับผลกระทบ 60-70% และผู้ประกอบการที่ขนส่งสินค้า ได้รับผลกระทบ 40-50% จากผู้ประกอบการโลจิสติกส์ในประเทศทั้งสิ้น 3 แสนราย

ทั้งนี้ สหพันธ์ฯ ได้ยื่นขอเสนอให้กระทรวงการคลังลดการภาษีหัก ณ ที่จ่าย เหลือ 0.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1% เป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการ และไม่ให้เกิดการเลิกจ้างพนักงานในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ด้วย ซึ่งในส่วนนี้ รมว.คลัง ได้รับเรื่องแล้วและรับปากว่าจะไปหารือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ

"เรื่องสภาพคล่องนั้น ปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลายรายที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบ เพราะไม่มีทรัพย์สินที่มีส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุก ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดิน ทำให้สถาบันการเงินปฏิเสธการให้สินเชื่อ ดังนั้นจึงอยากให้กระทรวงการคลังเข้ามาดูแลเรื่องสภาพคล่อง โดยวงเงินที่ต้องการหลักหมื่นล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับภาคธุรกิจ" นายทองอยู่ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ