สภาหอฯ เผยหลังคลายล็อก 3 ระยะมีเม็ดเงินหมุนเวียนแล้ว 2 แสนลบ. หนุนกระตุ้นใช้จ่าย-ท่องเที่ยวช่วยดึงศก.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 12, 2020 11:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมนนาออนไลน์ เรื่อง "ร่วมฝ่าวิกฤต โควิด-19 รับมือมาตรการผ่อนปรน ระยะที่ 3" โดยระบุว่า หลังจากที่รัฐบาลได้เริ่มมีมาตรการผ่อนปรน หรือคลายล็อกให้สามารถเปิดดำเนินกิจการ/กิจกรรมได้ในแต่ละช่วงที่ผ่านมานั้น พบว่า ในช่วงมาตรการคลายล็อก ระยะที่ 1 ทำให้ในภาพรวมมีเม็ดเงินกลับมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ 60,000 ล้านบาท และเมื่อมีมาตรการคลายล็อก ระยะที่ 2 มีเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านบาท ล่าสุดจากมาตรการคลายล็อก ระยะที่ 3 ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนล้านบาทแล้ว

นายกลินท์ เชื่อว่า หากรัฐบาลได้มีมาตรการคลายล็อก ระยะที่ 4 และระยะต่อไป ก็จะยิ่งช่วยทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาช่วยหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องการให้ประชาชนออกมาช่วยกันจับจ่ายใช้สอย และท่องเที่ยวในประเทศกันมากขึ้น เพื่อช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศไม่ทรุดตัวไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

"ตอนนี้ ก็อยู่ที่พวกเราที่จะช่วยกันออกมาจับจ่ายใช้สอยกันให้มากขึ้น หากกลัว และไม่ออกมา เศรษฐกิจเราก็จะไม่เกิดการหมุนเวียน ดังนั้นอยากให้ออกมากัน ซึ่งทาง กกร. (คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน) มองว่าเศรษฐกิจประเทศเราจะดีขึ้น หากสามารถเปิดเมืองได้ ซึ่งล่าสุดเรามองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตในระดับ -5 ถึง -3%" ประธานสภาหอการค้าฯ กล่าว

พร้อมระบุว่า ในวันนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะพิจารณามาตรการคลายล็อก ระยะที่ 4 ซึ่งจะทำให้กิจการ/กิจกรรมต่างๆ สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ใกล้เคียงกับภาวะปกติมากขึ้น แต่ทั้งนี้ มองว่าอาจมีโอกาสที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดกลับมาระลอก 2 ได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหากมีการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นจริง ก็จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจเหมือนเช่นระลอกแรก เนื่องจากทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจเองต่างมีมาตรการที่รับมือได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ

"เราเชื่อว่าเมื่อมีการเปิดเมืองมากขึ้น มีการยกเลิกเคอร์ฟิว สถานการณ์ก็น่าจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ทั้งนี้จะทำให้อย่างไรให้เปิดเมืองแล้ว ต้องปลอดภัยด้วยโดยไม่มีการระบาดระลอก 2 แต่เชื่อว่าคงจะมี แต่ไม่น่ารุนแรง ติดแล้วยังสามารถควบคุมได้" นายกลินท์ระบุ

ขณะเดียวกันคงต้องมีการประเมินสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งในเรื่องการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน เรื่องการจ้างงานว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือคนที่ตกงานอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าจากมาตรการส่วนหนึ่งของภาครัฐที่ทยอยออกมาเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด รวมทั้งการออก พ.ร.ก.กู้เงิน ก็น่าจะมีส่วนช่วยทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยดีขึ้นได้

อย่างไรก็ดี จากการจัดทำ work shop ของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยังพบว่า แม้รัฐบาลจะมีการผ่อนคลายมาตรการ ระยะ 3 แล้ว แต่ร้านค้า และสถานประกอบการต่างๆ ก็ยังมีจำนวนประชาชนเข้าไปใช้บริการไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งอาจเป็นเพราะประชาชนยังไม่มีความมั่นใจในสถานการณ์เท่าที่ควร ดังนั้น จึงขอให้ผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจคำนึงถึงความสำคัญกับการเปิดธุรกิจภายใต้ความปลอดภัย รักษามาตรฐานด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและผู้ที่มาใช้บริการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ