ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในปลายไตรมาสที่ 3 โดยเศรษฐกิจไทยในปี 2550 จะขยายตัวอยู่ในระดับ 4.0-4.5% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3.5-4.0%
ทั้งนี้ GDP ในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 4.3 โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกและการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นสำคัญ ในขณะที่การใช้จ่ายอุปโภคบริโภคและการลงทุนภายในประเทศชะลอตัวอย่างชัดเจน
ปัจจัยบวกที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คือ แรงกดดันเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้อำนาจซื้อของประชาชนลดลงไม่มาก ขณะที่การจ้างงานยังคงอยู่ในระดับสูง และอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในครึ่งปีหลังมีโอกาสทรงตัวในระดับเดิมหรือปรับลดลงเพียง 0.25%
การส่งออกขยายตัวสูงในครึ่งแรกของปี แม้ว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงในครึ่งปีหลังจากผลกระทบของการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและค่าเงินที่แข็งขึ้น แต่การส่งออกน่าจะขยายตัวได้ในระดับไม่ต่ำกว่า 12.5% ตามเป้าหมายการส่งออก ส่วนการเบิกจ่ายภาครัฐบาลเริ่มเร่งตัวมากขึ้นในปัจจุบันและในครึ่งปีหลัง
สำหรับปัจจัยลบที่เป็นความเสี่ยงสำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทยในขณะนี้คือ ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง และยังคงมีความผันผวนและทรงตัวในระดับสูง, ค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่า แต่มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งยังคงอาจกระทบต่อความสามารถในการแข็งขันของภาคส่งออกไทย
การบริโภคในประเทศมีชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง และความเชื่อมั่นของประชาชนในบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 เป็นเดือนที่ 34 และมีค่าต่ำสุดในรอบ 63 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2545
ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง สะท้อนถึงการชะลอตัวของการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน อันเนื่องมาจากสถานการณ์การเมืองและทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ, สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่มีแสถียรภาพและสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภายใต้ที่ยังไม่สงบจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทียังไม่กลับสู่ระดับปกติในช่วงครึ่งปีหลัง
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/ศศิธร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์:
[email protected]