ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.02/03 แกว่งแคบ รอติดตามการประชุมกนง.กลางสัปดาห์นี้ มองกรอบพรุ่งนี้ 30.90-31.10

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 22, 2020 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.02/03 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.00 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทยังค่อนข้างนิ่งๆ คาดว่าตลาดรอดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ช่วงกลางสัปดาห์นี้ในขณะที่ มาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในปี 63 และ งดซื้อหุ้นคืนนั้น ไม่ได้มีผลต่อความเคลื่อนไหวของค่าเงินเท่าใดนัก

นักบริหารเงิน คาดว่าพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.90-31.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.60/93 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 106.87 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1213/1217 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1186 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,352.18 จุด ลดลง 18.64 จุด (-1.36%) มูลค่าการซื้อขาย 65,772 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,076.10 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงผลที่คาดหวังจากการเสริมสร้างเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงจาก
สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประกอบด้วย 1.เพื่อให้มีเงินทุนในการให้สินเชื่อแก่ประชาชนและภาคธุรกิจได้เพิ่มขึ้น และสนับสนุนกิจกรรมทาง
เศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงฟื้นตัวหลังโควิด-19 2.เพื่อเป็นกันชนรองรับความไม่แน่นอนในอนาคตที่จะเกิดขึ้น และ 3.เพื่อ
ให้ระบบสถาบันการเงินมีระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินและผู้ลงทุน
  • ธปท. ได้สั่งการให้สถาบันการเงิน ประเมินและจัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า โดย
พิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต ตลอดจนศักยภาพของลูกหนี้ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง โดยแต่
ละสถาบันการเงินจะต้องส่งแผนดังกล่าวให้ ธปท.ภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุถึงมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะที่ 2 ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะเน้น
ดูแลในเรื่อง "ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้บุคคลรายย่อย" โดยเน้นการ "ลดดอกเบี้ยสำหรับลูกหนี้รายย่อย" ของแบงก์และนอน
แบงก์ สำหรับผลต่อธนาคารพาณิชย์นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยตามมาตรการเฟส 2
จะมีผลกระทบผ่าน 2 ช่องทางต่อรายได้ดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ เบื้องต้น คาดว่า ผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ลูกค้าราย
ย่อยจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.8-1.5% ของรายได้ดอกเบี้ยของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในไตร
มาส 3/63
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ จะพิจารณาคง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% เพื่อรอดูประสิทธิผลของมาตรการการเงินการคลังที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ ทั้งการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายใน
เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มาตรการช่วยเหลือทางการเงิน เช่น การพักชำระหนี้ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการปรับโครงสร้างหนี้ เป็นต้น รวมถึง
มาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ต่อการช่วยบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และช่วยประคับประคองภาค
ธุรกิจและภาคครัวเรือนให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้
  • ผู้อำนวยการเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า การลงทะเบียนใช้สิทธิตามมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ
จากที่ได้ประชุมหารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และธนาคารกรุงไทย (KTB) เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ยังไม่
ได้ข้อสรุป จึงได้มอบหมายให้ ททท.กลับไปพิจารณาขั้นตอนการลงทะเบียนให้เหมาะสมมากขึ้นก่อนสรุปเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) พิจารณาในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ทันเปิดลงทะเบียนในวันที่ 1 ก.ค.
  • หลายรัฐในสหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจทั่วประเทศทยอยเปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หลัง
รัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
  • ธนาคารกลางจีนเดินหน้าอัดฉีดเงินสดเข้าสู่ระบบธนาคารในวันนี้ ผ่านทางข้อตกลง reverse repos โดยมีเป้าหมายที่
จะรักษาสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ