นายกฯยันงบปี 51 คำนึงถึงทุกปัจจัยแวดล้อม-ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 4, 2007 11:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรัฐมนตรียืนยันต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ว่ารัฐบาลจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 51 บนพื้นฐานการวิเคราะห์จากสภาพแวดล้อมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง และสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ โดยเชื่อว่าปี 51 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 5% "ผมและคณะรัฐมนตรีตระหนักอยู่เสมอว่าเป็นเพียงรัฐบาลชั่วคราว และมีช่วงเวลาในการบริหารราชการแผ่นดินที่จำกัด ช่วง 8 เดือนที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ได้มุ่งเน้นนโยบายที่จะทำให้ประชาชนในระดับรากแก้วอยู่ดีมีสุขตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และดำเนินการในทุกวิถีทางที่จะสร้างความสมานฉันท์ในสังคมไทย และให้ประชาชนในทุกระดับสามารถเข้าถึงบริการสาธารณะในทุกด้านอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม" พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อที่ประชุม สนช.ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551 พล.อ.สุรยุทธ์ ชี้แจงว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายไว้ 5 ประการ ได้แก่ การดำเนินนโยบายงบประมาณขาดดุลในระดับเพียงพอที่จะรักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งควบคุมสัดส่วนยอดหนี้สาธารณะคงค้างและสัดส่วนภาระหนี้ของประเทศตามที่กำหนดไว้ในกรอบการคลังที่ยั่งยืน, ให้หน่วยงานทบทวนการดำเนินงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะผลผลิต โครงการ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่มีลำดับความสำคัญลดลงหรือหมดความจำเป็น, การเร่งรัดเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เพื่อควบคุมอัตราการขยายตัวของรายจ่ายประจำให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม, สนับสนุนการวางโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เน้นความคุ้มค่าและรองรับการพัฒนาในระยะยาว โดยกำหนดรายจ่ายลงทุนในจำนวนที่ไม่ต่ำกว่าปีงบประมาณ 50 และส่งเสริมการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเร่งรัดการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ภายใต้กรอบนโยบายงบประมาณดังกล่าว รัฐบาลได้กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายไว้ทั้งสิ้น 1.66 ล้านล้านบาท ประมาณการรายได้สุทธิ 1.495 ล้านล้านบาท เป็นวงเงินรายจ่ายที่มีการขาดดุลงบประมาณ 1.65 แสนล้านบาท ซึ่งการจัดทำวงเงินงบประมาณแบบขาดดุลนี้เป็นการแสดงความตั้งใจของรัฐบาลในการรักษาระดับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และสะท้อนภาระค่าใช้จ่ายในปัจจุบันของรัฐบาลที่มีอยู่จริง โดยยังคงคำนึงถึงการรักษาวินัยทางการคลัง และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในปี 51 รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจไทยยังสามารถขยายตัวประมาณ 5% อัตราเงินเฟ้อประมาณ 3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่ ผลการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของ ภาครัฐและการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ประกอบกับการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนที่คาดว่าจะฟื้นกลับเข้าสู่ปกติ อันเป็นผลสืบเนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่รัฐบาลมีความมุ่งมั่นจะแก้ไขปัญหาเร่งด่วน 4 ด้าน รวมทั้งการปรับพื้นฐานการพัฒนาเพื่อให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนในระยะยาวต่อไป คือ สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งภาคเอกชนยังขาดความพร้อมในด้านการบริโภคและการลงทุน, รัฐบาลนี้มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะเร่งรัดการจัดการเลือกตั้งให้เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยได้เตรียมความพร้อมและตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว, การให้ความสำคัญและเร่งรัดแก้ปัญหาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างสมานฉันท์บนพื้นฐานของกฎหมายโดยเร็ว และรัฐบาลได้เน้นการใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่จะปรับแนวทางการพัฒนาประเทศให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรวม 6 ยุทธศาสตร์ กับ 1 รายการ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี มีคุณธรรมนำความรู้ และสามารถปรับตัวสู่สังคมฐานความรู้ จำนวน 563,262 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33.9% ของวงเงินงบประมาณ โดยมีเป้าหมายให้เกิดความเข้มแข็งของครอบครัว ชุมชน สังคม ยุทธศาสตร์การแก้ไขความยากจน กระจายความเจริญสู่ชนบทและลดช่องว่างของรายได้ จำนวน 59,833.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น3.6% ของวงเงินงบประมาณ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพของชุมชน โดยพัฒนาองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืนรวมทั้งสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน ยุทธศาสตร์การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน จำนวน 182,875.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11% ของวงเงินงบประมาณ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจส่วนรวม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน และสอดคล้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม จำนวน 50,744.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.1% ของวงเงินงบประมาณ, ยุทธศาสตร์การพัฒนาการเมืองและการบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม จำนวน 409,965.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.7% ของวงเงินงบประมาณ, ยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงของชาติและความสงบสุขของสังคม จำนวน 219,690.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13.2% ของงบประมาณ และรายการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐจำนวน 173,629.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.5% ของวงเงินงบประมาณ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการคลังและการเงินของประเทศ รวมทั้งรักษาวินัยทางการคลัง การบริหารจัดการและดำเนินการชำระหนี้ของรัฐบาล และพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการระดมทุนที่เหมาะสม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ