โพล ระบุคนไทยส่วนใหญ่ยังพึ่งโรงรับจำนำ-กู้ในระบบเสริมสภาพคล่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 26, 2020 12:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จับมือ สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล มหาวิทยาลัยมหิดล สำรวจพฤติกรรม การรับรู้ การเลือกใช้บริการ ตลอดจนทัศนคติต่อตัวเลือกหรือสภาพคล่องทางการเงินของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 65.5% ต้องพึ่งพาหาสภาพคล่องจากเงินกู้ในระบบ รองลงมาคือ 21.2% ต้องพึ่งพาหาสภาพคล่องจากทั้งเงินกู้ในระบบและนอกระบบ ในขณะที่ 4.1% พึ่งพาเงินกู้นอกระบบอย่างเดียว และ 9.2% ระบุว่าพึ่งพาวิธีอื่น ๆ

ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อให้ระบุแหล่งในการเลือกใช้บริการตัวเลือกหรือทางออกของสภาพคล่องทางการเงิน พบว่า

อันดับที่ 1 เลือกใช้บริการโรงรับจำนำอีซี่ มันนี่ 53.2%

อันดับที่ 2 ยืมเพื่อนหรือญาติ 46.1%

อันดับที่ 3 ร้านทอง 42.9%

อันดับที่ 4 บัตรกดเงินสด 28.4%

อันดับที่ 5 โรงรับจำนำของรัฐ (สถานธนานุเคราะห์) 24.8%

อันดับที่ 6 บัตรเครดิต 22.2%

อันดับที่ 7 สินเชื่อธนาคาร 14.5%

อันดับที่ 8 สินเชื่อส่วนบุคคล 12.2%

อันดับที่ 9 เล่นแชร์ 9.9%

อันดับที่ 10 โรงรับจำนำสยาม 8.5%

ส่วนกลุ่มที่ระบุว่ายังไม่เคยมีประสบการณ์กับปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน มองว่าหากต้องใช้บริการตัวเลือกหรือทางออกหรือสภาพคล่องทางการเงินจะเลือกใช้บริการอันดับแรก คือ ใช้บริการจากร้านทอง ต่อมาเป็น ยืมเพื่อน /ญาติ, โรงรับจำนำ อีซี่มันนี่, โรงรับจำนำ Cash Express, บัตรกดเงินสด, บัตรเครดิต, โรงรับจำนำของรัฐ , สถานธนานุบาล, สินเชื่อธนาคาร และอันดับสุดท้ายคือ สินเชื่อส่วนบุคคล

สาเหตุที่คนไทยจำนวนมากยังพึ่งพิงโรงรับจำนำเป็นหลัก สะท้อนมาในทัศนคติของของผู้บริโภคที่มีต่อโรงรับจำนำหรือทางออกของสภาพคล่องว่า ดอกเบี้ยถูก, ได้เงินเร็ว, ทรัพย์สินไม่หาย ไถ่ของคืนได้, เหมาะสำหรับต้องการเงินด่วน, ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน, ขั้นตอนง่ายใช้บัตรประชาชนใบเดียว ได้เงินเร็ว, ไม่เสียเครดิตถ้าปล่อยของหลุด, สามารถผ่อนชำระเป็นงวดๆ ได้, ระยะเวลาในการฝากนาน แม้จะยังมีความกังวลอยู่บ้างว่ากลัวทรัพย์ถูกเปลี่ยน

ผลการสำรวจ ยังพบว่าเมื่อพูดถึงโรงรับจำนำแบรนด์ที่นึกถึงเป็นอันดับที่ 1 คือโรงรับจำนำอีซี่มันนี่ 49.8% อันดับที่ 2 โรงรับจำนำของรัฐ (สถานธนานุเคราะห์) 22.4% อันดับ 3 คือ ร้านทองและโรงรับจำนำ Cash Express 8.2% อันดับที่ 4 สถานธนานุบาล 5.5% อันดับที่ 5 โรงรับจำนำสยาม 3.7%

ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้แบรนด์โรงรับจำนำ อันดับที่ 1 ดอกเบี้ยถูก 63.8% อันดับที่ 2 ราคาเป็นธรรม มีมาตรฐาน 60.8% อันดับที่ 3 ความน่าเชื่อถือโดยรวม 41.1% อันดับที่ 4 เชื่อมั่นในการเก็บทรัพย์จำนำของลูกค้า 32.4% อันดับที่ 5 สถานที่สะอาดและทันสมัย 29.3% อันดับที่ 6 วัน เวลาเปิดทำการสอดคล้องกับลูกค้า 26.9% อันดับที่ 7 มีจำนวนสาขาครอบคลุม 19.3% อันดับที่ 8 สามารถรับจำนำทรัพย์ได้หลากหลาย 15.4% อันดับที่ 10 มีทางเลือกในการขยายเวลาในการจำนำ 13.1%

ศ.ปาริชาต สถาปิตานนท์ เปิดเผยว่า หากพิจารณาในมิติการสื่อสาร ประเด็นด้านการรับรู้ นับเป็นหัวใจสำคัญที่สะท้อนภาพจำฝังหัวผู้คน โดยภาพของโรงรับจำนำ ร้านทอง หรือการหยิบยิมจากคนใกล้ชิด มักเป็น "ภาพจำ" ในคอนเทนต์ที่คนไทยพูดคุยหรือแนะนำกัน ในฐานะ "แหล่งพึ่งพิง" ยามที่ชีวิตต้องการทางออกแบบด่วนๆ คล่องตัวและเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะในยามที่บุคคลเผชิญกับปัญหาเฉพาะหน้าทางการเงิน

นอกจากนั้น ภาพจำดังกล่าวยังได้รับ"การผลิตซ้ำ"จากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เพื่อตอกย้ำฐานความเชื่อเกี่ยวกับแหล่งพึ่งพึงของผู้คนและกลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่สื่อมวลชนใช้เป็นดัชนีชี้วัดระดับสภาพคล่องทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ผู้คนเผชิญกับความจำเป็นของชีวิตที่ต้องการทางออกแบบง่าย สะดวก และคล่องตัว

ผนวกกับการที่ธุรกิจโรงรับจำนำเอกชน และธุรกิจร้านทองยุคใหม่ได้ทำงานเชิงรุกในด้านการสร้างแบรนด์และการสร้างการรับรู้ (visibility) และการเข้าถึง (accessibility) ให้ผู้คนอย่างโดดเด่น อาทิ การจัดตั้งอยู่ในแหล่งที่เป็นแลนมาร์คของชุมชน การออกแบบหน้าร้านให้ดูโปร่งใส น่ามอง การใช้โทนสีที่โดดเด่นสะดุดตา หรือแม้แต่การตั้งชื่อให้เรียกขานได้ง่ายๆ ดูทันสมัย และตอบโจทย์ที่อยู่ในใจผู้คน

อนึ่ง การสำรวจดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.63 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,200 กลุ่มตัวอย่างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา ชลบุรี นครราชสีมา ภูเก็ต และเชียงใหม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ