นายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง คาดว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME) จะไม่สามารถลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ลงได้ตามที่ตั้งเป้าให้เหลือ 25% ภายในปีนี้ เนื่องจาก ณ สิ้นพ.ค. SME แบงก์ มียอดสินเชื่อ 4.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็น NPL 2.05 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 47% ของสินเชื่อรวม เพิ่มจาก 1.9 หมื่รนล้านบาท ณ สิ้นปี 49 หนี้ NPL ส่วนใหญ่มาจากหนี้เดิม และเป็นผลจากปรับปรุงการกันสำรองตามมาตรฐาน IAS39 ประกอบกับ ธนาคารเร่งปล่อยสินเชื่อในช่วงปี 48-49 จากนโยบายรัฐบาลที่แล้ว ทำให้มีการปล่อยกู้ที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งเห็นว่าควรแก้ด้วยการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น และการขาย NPL "เป้าเอ็นพีแอลที่จะลดให้เหลือ 25% ภายในปีนี้คงเป็นไปได้ยาก"นายสมหมาย กล่าว สำหรับการขยายสินเชื่อนั้น ทางรัฐบาลกำลังเพิ่มทุนให้กับ SME แบงก์จำนวน 1.2 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้บีไอเอสของธนาคารเพิ่มขึ้นมาเป็น 12-13% จากปัจจุบันอยู่ที่ 11.5% ในส่วนของ NPL ที่ตัดขายนั้น ธนาคารได้จัดชั้นหนี้ NPL ได้แก่ หนี้ที่ตกชั้นเป็น NPL ธนาคารจะเข้ามาบริหารจัดการเอง ส่วนหนี้ที่เป็น NPL ไม่ถึง 10 ปี อาจจะจ้างบริษัทที่ความเชี่ยวชาญมาบริหารจัดการ และอีกส่วนที่เป็นหนี้ NPL ที่มีอายุมากกว่า 10 ปี อาจจะต้องมีการตัดขาย ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 กองๆละ 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ ได้กำหนดให้คณะกรรมการ SME แบงก์หารือกำหนดเป้าการดำเนินธุรกิจภายใน 3 ปีเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป ทั้งการปล่อยสินเชื่อ การลดเอ็นพีแอล และให้เพิ่มประสิทธิภาพของบอร์ด "ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงการปล่อยสินเชื่อของแบงก์ และจะสนับสนุนแบงก์ต่อไป และจะไม่ยุบแบงก์ ซึ่งการให้งบประมาณเพิ่มทุนถือเป็นการสนับสนุนแบงก์ต่อไป" นายสมหมาย กล่าว