นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้เงินบาทแข็งค่ามาแตะที่ 34.00/03 บาทดอลลาร์ ซึ่งเป็นการแข็งค่าขึ้นต่อจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดในระดับ 34.13/15 บาท/ดอลลาร์ ตามแรงแทขายดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาระบุว่า เงินบาทจะแข็งค่าในระยะสั้น ๆ เท่านั้นจากการที่มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และเตือนผู้ส่งออกว่าอย่าตื่นตระหนกเทขายดอลลาร์ น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) กล่าวว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้มองว่าเป็นเพียงระยะสั้นจากเงินทุนไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเท่านั้น แต่เชื่อว่าเงินบาทจะกลับอ่อนค่าลงในปีหน้า ตามดีมานด์และซัพพลาย โดยจะเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากหลังการเลือกตั้งจะมีความชัดเจนทางการเมือง การลงทุนก็จะกลับเข้ามา ดดยเฉพาะญี่ปุ่น หลังจากที่ได้ไปโรดโชว์พบว่านักลงทุนจำนวนมากสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ประกอบกับนักลงทุนหวังจะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าไทย-ญี่ปุ่น โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ในการได้รับการชดเชยการปฏิบัติตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในบางประเด็น ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นคลายความกังวลลง ดังนั้น เมื่อมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ไทยต้องนำเข้าวัตถุดิบสินค้าทุนเข้ามา ซึ่งจะส่งผลให้ดุลการค้าของไทยเกินดุลลดลง น.ส.อุสรา กล่าวว่า ปีที่แล้วเงินบาทแข็งค่า 16% แต่เชื่อว่าปีนี้เงินบาทไม่น่าจะผันผวนและแข็งค่าในอัตราที่สูงเท่ากับปีที่แล้ว เพราะมีมาตรการ Capital Control ซึ่งสามารถลดการเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินบาทได้ "ค่าเงินบาทที่แข็ง ถ้ามองมุมดี มันสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย แต่ถ้าแข็งไปกว่านี้ คงมีนักลงทุนกังวลบ้าง...สำหรับเรื่องนี้ เชื่อว่าธปท.จะสามารถดูแลจัดการได้" น.ส.อุสรา กล่าว