ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้ 31.40 แข็งค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้า นลท.จับตาตัวเลข GDP Q2/63 ของสหรัฐฯ-ราคาทองคำ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 30, 2020 16:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ 31.40 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาดเมื่อ เช้าที่ระดับ 31.44 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าหลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) ส่งสัญญาณกระตุ้น เศรษฐกิจต่อเนื่อง ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 31.35-31.46 บาท/ดอลลาร์

"บาทแข็งค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้า ซึ่งเป็นผลจากการประชุมเฟด ขณะเดียวกันก็เคลื่อนไหวตามทิศทางการไหลของเงินทุนต่าง ประเทศ" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 31.35-31.50 บาท/ดอลลาร์ โดยนักลงทุน จับตาดูการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2/63 ของสหรัฐ, ตัวเลขการขอรับสวัสดิการการว่างงาน และสถานการณ์ราคาทองคำในตลาด โลก

ล่าสุด THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 31.4104 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 105.08 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 105.09 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1740 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1773 ดอลลาร์/ยูโร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ว่าในปี 63 เศรษฐกิจไทยจะติดลบถึง 8.5% รับผลกระทบจากสถานการณ์
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นหลัก ก่อนจะกลับมาขยายตัวในระดับ 4-5% ในปี 64 เนื่องจากขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว
หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2/63 ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะติดลบเกินกว่า 10% โดยคาดว่าในไตรมาส 3/63 มีโอกาสเป็นบวกหรือ
อาจติดลบมากเท่ากับไตรมาสก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิด และพร้อมออก
มาตรการดูแลที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา
  • ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน มิ.ย.63 ยังมีแนวโน้มชะลอตัวแต่ดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนิน
กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น หลังจากมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้อุปสงค์
ในประเทศทั้งการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนในหมวดการก่อสร้างปรับตัวดีขึ้น
  • รมว.อุตสาหกรรม คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะกลับมาฟื้นตัว หลังภาคอุตสาหกรรมไทยผ่านจุดต่ำสุดใน
ไตรมาส 2/63 ไปแล้ว ภายใต้เงื่อนไขว่าประเทศไทยจะไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2
  • บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) จะทำการปรับลดเพดานดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ตามอัตราที่ธนาคารแห่ง
ประเทศไทยกำหนด ในวันที่ 1 ส.ค.63 นี้เป็นต้นไป โดยที่สมาชิกไม่ต้องแจ้งความประสงค์เข้ามาที่บริษัท ดังนี้ บัตรเครดิตเคทีซีทุก
ประเภท อัตราดอกเบี้ยรวมอัตราค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเท่ากับ 16% ต่อปี บัตรกดเงินสด "เคทีซี พราว" (KTC PROUD) และสิน
เชื่ออเนกประสงค์ "KTC CASH" อัตราดอกเบี้ยรวมอัตราค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินสูงสุดเท่ากับ 25% ต่อปี
  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) เปิดเผยว่า แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังธนาคารยังคงต้องระมัด
ระวังความเสี่ยงในด้านหนี้เสียที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 3.4% โดยธนาคารประเมินว่า
สิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นไปไม่เกิน 3.9%
  • หน่วยงานด้านการกำกับดูแลของจีน และธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของจีน กำลังพยายามควบคุมการซื้อขายทองคำของบรรดา
นักลงทุนภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการเก็งกำไร อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าอาจเกิดวิกฤตซ้ำรอยเหมือนกับในตลาดน้ำมัน
ปีนี้
  • รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบสองในยุโรป ขณะเดียว
กันก็แสดงความพร้อมที่จะนำมาตรการกักตัวกลับมาใช้อีกครั้งหากจำเป็น
  • ประธานกองทุนบำเหน็จบำนาญของรัฐบาลญี่ปุ่น (GPIF) ซึ่งเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผย
ว่า ทางกองทุนกำลังจับตานโยบายเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่ที่โรคโควิด-19 ได้แพร่ระบาด เนื่องจากนโยบายการเงิน
และการคลังที่ประเทศต่าง ๆ ประกาศใช้นั้นอาจกระทบตลาด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ