ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เงินเยน และเงินปอนด์ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูภาวะการซื้อขายที่ผันผวนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพร์มในสหรัฐ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3656 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3703 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์รูดลงแตะระดับ 2.0280 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0306 ดอลลาร์ต่อปอนด์ นอกจากนี้ สกุลเงินเยนร่วงลงแตะระดับ 118.55 ดอลลาร์ต่อเยน จากระดับ 119.30 ดอลลาร์ต่อเยน นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดอลลาร์เคลื่อนตัวผันผวนในระหว่างวัน เพราะได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่แกว่งตัวตลอดทั้งวันแม้จะสามารถปิดในแดนบวกได้ก็ตาม ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดซับไพร์มของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อตลาดสินเชื่อทั่วโลก ความกังวลในเรื่องตลาดซับไพร์มของสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนชะลอการทำธุรกรรม carry trade ในสกุลเงินเยน เนื่องจากสกุลเงินเยนให้อัตราผลตอบแทนต่ำกว่าสกุลเงินอื่นๆ นอกจากนี้ ความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ส่งผลบดบังข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อาทิ สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 5.25% ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 7 ส.ค.นี้ และคาดว่าธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ แต่คาดว่าธนาคารกลางทั้ง 2 แห่งจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแม้ถูกใช้เป็นกลยุทธ์ในการควบคุมเงินเฟ้อ แต่จะเป็นปัจจัยบวกต่อสกุลเงิน เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินนั้นๆมีมูลค่าสูงขึ้นและน่าดึงดูดใจมากขึ้น