ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก:ดอลล์อ่อนเทียบยูโร-เยน หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐแผ่ว

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ส.ค.) ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้นในอัตราต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.เป็นต้นมา
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.3801 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3693 ดอลลาร์ต่อยูโร หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1.3818 ดอลลาร์ต่อยูโร
          ขณะที่ดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 118.41 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 119.10 เยนต่อดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 2.0447 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0357 ดอลลาร์ต่อปอนด์
          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. โดยมีการจ้างงานเพียง 92,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นปีนี้
          ขณะที่สถาบันจัดการอุปทาน (ไอเอสเอ็ม) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐในเดือนก.ค.อยู่ที่ 55.8 จุด ซึ่งชะลอตัวจากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 60.7 จุด
          นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นายแซม โมลินาโร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแบร์ สเติร์นส์ได้แสดงความคิดเห็นว่า ความผันผวนในตลาดตราสารหนี้อาจจะเลวร้ายกว่าเหตุการณ์ที่ตลาดหุ้นทรุดตัวลงเมื่อปี 2530
          ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ประกาศลดแนวโน้มของตราสารหนี้ของแบร์ สเติร์นส์ลงสู่ "เชิงลบ" โดยกล่าวว่า แบร์ สเติร์นส์อาจเผชิญภาวะวิกฤติ  หลังจากเฮดจ์ฟันด์ 2 แห่งของแบร์ สเติร์นส์ซึ่งเข้าไปลงทุนจำนวนมากในตลาดการปล่อยกู้จำนองแก่ลูกหนี้ที่ขาดความน่าเชื่อถือ (ซับไพรม์) นั้น แทบไม่ได้ผลตอบแทนกลับคืนมา