พาณิชย์เผยข้าวหอมมะลิไทยคว้าแชมป์ 2020 คาดปีนี้ส่งออกได้ 5.8 ล้านตัน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 4, 2020 16:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พาณิชย์เผยข้าวหอมมะลิไทยคว้าแชมป์ 2020 คาดปีนี้ส่งออกได้ 5.8 ล้านตัน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปีนี้ข้าวหอมมะลิไทย 105 ได้รับรางวัลข้าวที่ดีที่สุดในโลก (World?s Best Rice Award 2020) จากการประกวดข้าว ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ภายในงานประชุมข้าวโลก (World Rice Conference) จัดโดย The Rice Trader ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 1-3 ธ.ค.63 โดยปีนี้จัดงานแบบออนไลน์เป็นครั้งแรก ถือว่าไทยสามารถกลับมาทวงแชมป์ได้อีกครั้ง และเป็นแชมป์ครั้งที่ 6 จากที่จัดมาทั้งหมด 12 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 52 ส่วนเวียดนามได้อันดับ 2 และกัมพูชาได้อันดับ 3

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ระยะ 5 ปี คือปี 63-67 จะมุ่งพัฒนาพันธุ์ข้าวชนิดใหม่ๆ รวม 12 สายพันธุ์ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดให้มากขึ้น แบ่งเป็น ข้าวพื้นแข็ง 4 สายพันธุ์, ข้าวพื้นนุ่ม 4 สายพันธุ์, ข้าวหอมมะลิไทย 2 สายพันธุ์ และข้าวคุณค่าทางโภชนาการสูงอีก 2 สายพันธุ์

"มั่นใจว่า นับจากนี้ไทยจะมีพันธุ์ข้าวที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อีกมาก...การที่ข้าวไทยได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดข้าวโลก ถือเป็นผลงานร่วมกันของคนไทยทุกคนและทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร โรงสี ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และรัฐบาล" นายจุรินทร์กล่าว

โดยวันพรุ่งนี้ (5 ธ.ค.) จะเป็นวันพ่อแห่งชาติ และเป็นวันชาติ ดังนั้นรางวัลที่ประเทศไทยได้รับครั้งนี้ จะเป็นการเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยเพราะทรงมีคุณูปการเป็นอย่างยิ่งกับวงการข้าวไทย เพราะพระองค์ท่านทรงเป็น "พระบิดาแห่งการวิจัยและการพัฒนาข้าวไทย"

"ถือว่าเป็นการนับหนึ่งที่เป็นรูปธรรมของการประกาศยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 2563 ถึง 2567 ที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลแล้ว มีการตั้งเป้าหมายไว้ชัดเจนว่าใน 5 ปีนี้ เราจะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิตการตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก" รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์กล่าว

โดยผลจากการที่ไทยได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดข้าวโลก จะส่งผลดีทั้งในส่วนของเกษตรกร และระบบการค้าข้าวของไทยในอนาคต เป็นการยกระดับความเชื่อมั่นด้านคุณภาพข้าวของไทยในตลาดโลก

ด้านนายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ในทุกปี จะมีจัดการประชุมผู้ค้าข้าวทั่วโลก ซึ่งปีนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-3 ธ.ค.63 ผ่านระบบออนไลน์ และในวันสุดท้าย จะมีการแถลงผลการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งมีประเทศที่ส่งข้าวเข้าประกวด ประกอบด้วย ไทย เวียดนาม กัมพูชา จีน และสหรัฐอเมริกา รวมข้าว 20 กว่าตัวอย่าง ซึ่งข้าวจากประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศเป็น World?s Best Rice Award 2020 หรือข้าวที่ดีที่สุดในโลกปี 2020 โดยเป็นข้าวพันธุ์ข้าวหอมมะลิที่เพิ่งเก็บเกี่ยวในเดือนพ.ย.นี้

"ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี การแข่งขันมีมา 12 ครั้ง ประเทศไทยได้รางวัลครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 6 ยืนยันได้ว่าคุณภาพของข้าวไทยไม่เป็นรองใครในโลก ถ้าเราสามารถช่วยกันพัฒนาและเดินตามนโยบายของท่านรองนายกฯ เชื่อว่าเราจะเป็นแชมป์ไปอีกหลายปี" นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยระบุ

พร้อมกันนี้ ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้หลากหลายมากขึ้น และลดกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาพันธุ์ข้าว ไม่เช่นนั้นไทยอาจไม่สามารถรักษาข้าวที่ดีที่สุดในโลกไว้ได้ เพราะคู่แข่งอย่างเวียดนาม กัมพูชา พัฒนาสายพันธุ์ข้าวได้อย่างรวดเร็ว และหลากหลาย

อย่างไรก็ดี ในปีนี้คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 5.6-5.8 ล้านตันเท่านั้น น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 6.5 ล้านตัน ขณะที่ปี 64 ตั้งเป้าส่งออกข้าวไว้ที่ 7-7.5 ล้านตัน

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่ 1 ม.ค.- 2 ธ.ค.63 (ข้อมูลสถิติกรมศุลกากรและใบอนุญาตส่งออก) ส่งออกได้รวม 5.1 ล้านตัน มูลค่า 108,918 ล้านบาท ปริมาณลดลง 28% ส่วนมูลค่าลดลง 11% โดยข้าวหอมมะลิของไทยยังคงครองตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐฯ แคนาดา ฮ่องกง และสิงคโปร์ไว้ได้ แม้การส่งออกข้าวไปตลาดอื่นจะซบเซาลงอันเนื่องจากเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับข้าวไทยราคาสูงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง แม้จะต่างกับเวียดนามไม่มาก แต่ราคาสูงกว่าข้าวอินเดียกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ ทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของไทยลดลง

สำหรับการเจรจากับ COFCO รัฐบาลจีนภายใต้สัญญาซื้อขายข้าวแบบ G to G ที่เหลืออีก 3 แสนตัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.63 กรมการค้าต่างประเทศได้หารือกับ COFCO ผ่านระบบ Video Conference เจรจาการซื้อข้าวในงวดที่ 8 ปริมาณ 1 แสนตัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะเร่งพิจารณาราคาเสนอขายเพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว และเพื่อให้สอดคล้องกับความคืบหน้าสัญญารถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่ได้ลงนามในสัญญา 2.3 มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ต.ค.63


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ