(เพิ่มเติม) สรท.ปรับคาดการณ์ส่งออกปี 63 เป็นหดตัว -7% ถึง -6% ก่อนฟื้นโต 3-5% ปี 64

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 8, 2020 12:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

(เพิ่มเติม) สรท.ปรับคาดการณ์ส่งออกปี 63 เป็นหดตัว -7% ถึง -6% ก่อนฟื้นโต 3-5% ปี 64

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 63 หดตัวลดลงระหว่าง -7% ถึง -6% ส่วนปี 64 คาดว่าจะฟื้นมาเติบโต 3-5%

ปัจจัยบวกที่สำคัญในปี 64 คือ 1) ไทยร่วมลงนามไทยความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ครอบคลุมตลาดที่มีประชากรรวมกันถึง 2.2 พันล้านคน ซึ่งคิดเป็น 30% ของประชากรโลก ผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) ครอบคลุมถึง 30% ของ GDP โลก และมีมูลค่าการค้ารวมกว่า 10.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเกือบ 28% ของมูลค่าการค้าโลก 2) ความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 3) สินค้ากลุ่มอาหาร และกลุ่มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 4) ระดับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 63 และ 5) การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วทางเศรษฐกิจของประเทศจีน

(เพิ่มเติม) สรท.ปรับคาดการณ์ส่งออกปี 63 เป็นหดตัว -7% ถึง -6% ก่อนฟื้นโต 3-5% ปี 64

ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในปี 64 ได้แก่ 1) ค่าเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง 2) ปัญหาตู้สินค้าขาดแคลน และค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจาก 2.1 สายเรือมีนโยบายจัดสรรระวางตู้สินค้า (Space Allocation) และจัดสรรตู้เปล่าหมุนเวียน (Container Allocation) 2.2 การระบาดของโควิดรอบ 2 ในยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้ตู้สินค้าตกค้างปลายทางจำนวนมาก

3) การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม 4) ต้นทุนแฝงในการประกอบธุรกิจของผู้ส่งออกที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากกฎระเบียบของไทยที่มีความล้าหลัง รวมถึงมีขั้นตอนดำเนินงานที่ไม่จำเป็นที่ค่อนข้างมาก และ 5) มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ที่อาจมีการเริ่มบังคับใช้อย่างเป็นทางการในปี 64

น.ส.กัณญภัค กล่าวว่า สรท.ได้มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ดังนี้

1. เร่งแก้ไขสถานการณ์ขาดแคลนตู้สินค้า และการปรับขึ้นค่าระวางทุกเส้นทาง

2. ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เร่งรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท และใช้มาตรการทางการเงินเพื่อลดความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อไม่เป็นการซ้ำเติมการส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องจักรหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย

3. เร่งปรับปรุงโครงสร้างค่าธรรมเนียมเพื่อลดต้นทุนแฝงในการส่งออก ทั้งด้านการผลิต ด้านการส่งออก (การตลาด การขออนุญาตส่งออก/นำเข้าตามพิธีการศุลกากร) ด้านการเงินและภาษีอากร ด้านการขนส่งระหว่างประเทศ (เรือ ราง อากาศ รถ) อันจะส่งผลกระทบและขีดความสามารถในการแข่งขันของทั้งผู้ส่งออกและผู้ประกอบการตลอดทั้งซัพพลายเชน

4. เร่งพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) ของไทยให้เป็นระบบ Single Submission เพื่อเป็นการปรับลดขั้นตอนและระยะเวลาของพิธีการทางศุลกากร และจะต้องมีการจัดทำ Data Harmonization ใหม่ เพื่อรองรับการส่งข้อมูล ขาเข้า/ขาออก ณ จุดเดียว และเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาต/ใบรับรอง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ