ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 30.03 แข็งค่ากว่าภูมิภาคจากเงินไหลเข้า ตลาดจับตา Brexit โค้งสุดท้าย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 9, 2020 08:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 30.03 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิด ตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.09 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า และผู้ส่งออกทองคำหลังราคาปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัย หนุนให้บาทแข็งค่านำภูมิภาค

"เปิดตลาดเช้านี้บาทแข็งค่าสุดในรอบปี เนื่องจากมี fund flow ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น" นักบริหารเงิน กล่าว

ปัจจัยที่ตลาดจับตาดูเป็นเรื่องความคืบหน้าการเจรจา Brexit ในช่วงโค้งสุดท้าย และความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันโค วิด-19 ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นเรื่องทิศทางของเงินทุนต่างประเทศ และสถานการณ์ทางการเมือง

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.00-30.10 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (8 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.15235% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.17356%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.12 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 103.98 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2111 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.2129 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.129 บาท/ดอลลาร์
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทย ปี 2564 จะเป็นการฟื้นตัวบนความไม่แน่นอน โดยเศรษฐกิจไทยมี
แนวโน้มเติบโต 2.6% จากปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจจะติดลบ แต่ลดลงจากคาดการณ์ไว้ลบ 10% เหลือลบ 6.7% ปัจจัยจากแรงหนุนการ
ใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
  • ทีดีอาร์ไอ ประเมินเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างช้าๆ ห่วงปัจจัยเสี่ยง ส่งออกไปจีน นักท่องเที่ยวลดฮวบ หนี้ครัวเรือนแตะ
86% ลามภาคอสังหาฯ คาดผลจากพิษโควิด กระทบกำลังซื้อที่อยู่อาศัยลดวูบ 9 แสนล้านบาท คาดปี 2565 ปริมาณการซื้อจะใกล้เคียงกับปี
62 ที่ 3.92 แสนหน่วย ด้าน ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ฯ ลุ้นดีมานด์ใหม่ฟื้น หวั่นซัปพลายล้นตลาด อัตราดูดซับช้า
  • กรมการค้าต่างประเทศเผยสถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนช่วง 10 เดือนปี 63 มีมูลค่า 1,081,572 ล้านบาท ลดลง
4.11% เหตุได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้มีการปิดด่านการค้า ล่าสุดเปิดด่านเพื่อการขนส่งสินค้าเพียง 37 แห่ง จาก 97 แห่งทั่ว
ประเทศ ระบุการค้าชายแดนลดลงทุกประเทศ แต่เมียนมาลดสูงสุด 14.85% ส่วนผ่านแดน จีน สิงคโปร์ ยังโต เวียดนามลด
  • ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ระหว่างวันที่ 10-13 ธ.
ค. 63 ว่า ในช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีครั้งนี้ บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเข้าสู่ฤดูท่อง
เที่ยวในหลายพื้นที่ และสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นเหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว ทำให้คาดว่าจะมีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
ประมาณ 3.11 ล้านคน-ครั้ง ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากช่วงวันหยุดพิเศษเดือนที่ผ่านมา และมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนมากกว่า
12,600 ล้านบาท โดยมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง ที่มาช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งจากการสำรวจ
อัตราการเข้าพักพบว่ามีเฉลี่ย 40%
  • ครม.ปล่อยผีนักท่องเที่ยว STV รับทุกชาติ แต่ต้องกักตัว 14 วัน หลังพบให้เข้าเฉพาะประเทศเสี่ยงต่ำ กระตุ้นไม่พอ นัก
ท่องเที่ยวมาแค่ 825 คน ด้าน ททท.เผยหยุดยาว 4 วัน (10-13 ธ.ค.) คนไทยเที่ยวกันเอง 3.11 ล้านคน-ครั้ง เงินสะพัด 12,600
ล้านบาท พบ "คนละครึ่ง" มีผลต่อการใช้จ่ายในการท่องเที่ยว 88.57%
  • อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมได้ประชุมคณะกรรมการดูแลการเกิดรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ร่วมกับผู้ประกอบการรถ
ยนต์ทุกค่ายเพื่อหารือถึงการปฏิรูปโครงสร้างภาษีรถยนต์เพื่อรองรับรถยนต์อีวี เพื่อส่งเสริมให้เกิดรถอีวีในไทยเพิ่มมากขึ้น สำหรับกรอบใน
การหารือจะมีทั้งการพิจารณาปรับอัตราภาษีการจัดตั้งกองทุนแบตเตอรี่รถยนต์อีวี ที่จะเชื่อมโยงกับการกำจัดแบตเตอรี่ และการควบคุม
แบตเตอรี่ให้ถูกวิธี จะต้องมีรูปแบบที่ชัดเจน หากได้ข้อสรุปแล้ว กรมจะเสนอ รมว.คลัง เพื่อจัดทำเป็นนโยบายไปเสนอนายกรัฐมนตรี และ
ครม.ต่อไป
  • เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) เนื่อง
จากนักลงทุนกังวลว่า อังกฤษอาจจะเผชิญกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) หลังจากการ
เจรจาระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ยังคงไม่มีความคืบหน้า
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สหรัฐจะเร่งออกมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 นอกจากนี้ การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นปัจจัยดึงดูดแรง
ซื้อทองคำ
  • นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบ
ประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) เป็นเวลา 1 สัปดาห์ในวันนี้ และเพื่อให้เวลาแก่สมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎรมากขึ้นในการเจรจาข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการ
แพร่ระบาดของโรคโควิด-19
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค., ตัวเลขการเปิดรับ

สมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือน

พ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ