นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.04/06 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อย จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.06/07 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่ค่อยปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงท้ายตลาด โดยนักลงทุนเริ่มกลับมาถือสินทรัพย์ เสี่ยงมากขึ้น ทำให้ดอลลาร์สหรัฐย่อตัวลง ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-30.15 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.00/02 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 103.71/73 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2157/2160 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2155/2156 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,477.21 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด (+0.07%) มูลค่าการซื้อขาย 91,745 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,465.44 ลบ.(SET+MAI)
- บล.เอเซียพลัส (ASPS) มองทิศทางค่าเงินบาทในปี 64 จะยังคงแข็งค่า จากปัจจุบันอยู่ในระดับ 30.00 บาท/ดอลลาร์
เป็นผลมาจากกระแสเงินทุนไหลเข้าทั้งทางตรงและทางอ้อมหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสิ้นสุดลง
- ฟิทช์ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัว 3.7% ในปีนี้ ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ย.ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัว
4.4% และคาดว่า GDP โลกจะขยายตัว 5.3% ในปีหน้า พร้อมมองว่า สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั่วโลก จะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของ
ปีหน้า เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากขึ้นที่เข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19
- รัฐบาลสิงคโปร์จะเปิดช่องทางพิเศษสำหรับบุคคลบางกลุ่มในจำนวนจำกัดที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ ซึ่งรวมถึงนัก
ธุรกิจ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้เดินทางที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงจากทุกประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะฟื้นฟู
อุตสาหกรรมการเดินทางและธุรกิจให้บริการที่พัก
- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(GDP) ของจีน ขึ้นสู่ระดับ 8% ในปี 2564 จากระดับ 7.7% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ระบุว่า มีความพร้อมที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมหากจำเป็น โดยจะมุ่งเน้น
ที่โครงการซื้อพันธบัตร ขณะเดียวกัน RBA จะทบทวนขนาดของโครงการซื้อพันธบัตรในการประชุมหลายครั้งข้างหน้า รวมทั้งพิจารณาผล
กระทบจากโครงการดังกล่าวที่มีต่อเศรษฐกิจ ทั้งนี้ คาดว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 7% เมื่อเทียบเป็น
รายปี ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 เนื่องจากการส่งออกที่แข็งแกร่งเป็น
ปัจจัยสนับสนุนให้ภาคการผลิตฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
- แคนาดาเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาให้กับบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าและผู้สูงอายุในบ้านพักคน
ชรา โดยแคนาดาเป็นประเทศที่ 3 ที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จากไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ให้กับประชาชนต่อจากอังกฤษและสหรัฐ