ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 29.80 แข็งค่าสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หลังดอลลาร์อ่อนค่าหนัก

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 17, 2020 17:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 29.80 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 29.98/30.01 บาท/ดอลลาร์

ปิดตลาดวันนี้เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 7 ปีครึ่งนับตั้งแต่ พ.ค.56 ปัจจัยสำคัญมาจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุก สกุล หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยที่ไทยถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเป็น ประเทศที่ถูกจับตามองเรื่องการแทรกแซงค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า จึงทำให้นักลงทุนมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงชะลอการเข้าซื้อดอลลาร์ในระยะนี้ออกไป

สำหรับพรุ่งนี้ เงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าต่อ ต้องรอดูตลาดโลกประกอบกันไปด้วย ขณะที่เงินเยน และเงินยูโร ก็แข็งค่าเร็ว เช่นกัน และอาจจะมีการพักฐานบ้าง

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.80-29.90 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.06 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 103.34/36 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2229 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2206/2210 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,483.89 จุด เพิ่มขึ้น 1.80 จุด (+0.12%) มูลค่าการซื้อขาย 112,757 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อขายสุทธิ 2,613.39 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุ ไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าระหว่าง
ประเทศแต่อย่างใด ซึ่งการที่ประเทศไทยถูกจัดอยู่ใน Monitoring list ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ไม่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจที่มีการค้า
การลงทุนกับสหรัฐฯ ซึ่งภาคธุรกิจไทยและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินธุรกิจกันได้ตามปกติ และการประเมินดังกล่าวไม่กระทบต่อการดำเนิน
นโยบายของ ธปท.เพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินภายในประเทศ รวมถึงการดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน
  • รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ ธปท.กำลังดูแลเรื่องนี้อยู่ ส่วนกระทรวงการคลังก็ต้องติดตามเพราะยังไม่รู้ว่าสหรัฐฯ จะมี
มาตรการตอบโต้อะไรออกมาบ้าง
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพิ่มประเภทธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ภายใต้การ
กำกับดูแล 2 ประเภท ได้แก่ ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อให้การกำกับดูแลมีความครอบคลุม รวมถึงยก
ระดับการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแล เพื่อเพิ่มการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุนให้มีความ
เหมาะสมมากขึ้น
  • อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์กรณีสหราชอาณาจักร
(ยูเค) หรืออังกฤษ จะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) อย่างสมบูรณ์ หรือ Brexit ในวันที่ 1 มกราคม 2564 และยูเคจะ
เริ่มใช้นโยบายและมาตรการทางการค้าของตนเอง ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่านโยบายการค้าของยูเคภายหลังเบร็กซิทจะผ่อนคลายและยืดหยุ่น
กว่าของอียู เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการในยูเค รวมถึงเอื้อต่อการพัฒนาเป็น "trading nation"
ของยูเคภายหลัง Brexit
  • โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 ได้พิจารณาปรับหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยขยายระยะเวลาการอนุญาตให้ชาว
ต่างชาติที่มากับเรือสำราญ และกีฬา (เรือยอร์ช) ซึ่งเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และอยู่ระหว่างการเดินทางเข้ามาในน่านน้ำไทย มี
สิทธิขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa : STV) ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคน
เข้าเมือง เพิ่มเติมอีกเป็นเวลา 30 วัน ทั้งนี้จนถึงวันที่ 29 ธ.ค.63
  • กระทรวงการคลังเตรียมเปิดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 รอบเก็บตกอีกไม่ต่ำกว่า 5 แสนสิทธิ ซึ่งมาจากผู้ที่ไม่
ผ่านเกณฑ์ในโครงการคนละครึ่งเฟส 1 ประมาณ 4 แสนสิทธิ และเฟส 2 ที่เปิดลงทะเบียนอีก 5 ล้านสิทธิ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ไม่ผ่านเกณฑ์อีก
จำนวนหนึ่ง โดยขณะนี้ธนาคารกรุงไทย (KTB) อยู่ระหว่างการสรุปตัวเลขทั้งหมด
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน
พ.ย.63 อยู่ที่ 87.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.0 ในเดือน ต.ค.63 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นับตั้งแต่
เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
  • ธนาคารกลางเวียดนามออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เวียดนามไม่ได้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดองเป็นเครื่องมือในการสร้าง
ข้อได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศอย่างไม่เป็นธรรม โดยคำยืนยันดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสหรัฐประกาศขึ้นบัญชีเวียดนามเป็นประเทศที่
ปั่นค่าเงินเพื่อหวังผลทางการค้า
  • ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ได้ออกมาปฏิเสธต่อการที่กระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวหาว่า สวิตเซอร์แลนด์ทำการ
ปั่นค่าเงินเพื่อหวังผลทางการค้า พร้อมทั้งระบุว่า "สวิตเซอร์แลนด์จะยังคงเข้าแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างเข้ม
งวดมากขึ้น"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ