ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 29.82/84 สัปดาห์หน้าจับตากนง.ประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทย-เจรจา Brexit

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 18, 2020 17:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 29.82/84 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 29.78 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวันเงินบาทย่อลงไปอยู่ที่ระดับ 29.77/78 บาท/ดอลลาร์ โดยแนวโน้มในช่วงสัปดาห์หน้าถ้ายังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้า มา เงินบาทก็ยังมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อ ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% เพียงแต่ต้องรอดูว่า กนง.จะประเมินทิศทางเศรษฐกิจในช่วงหลังจากนี้อย่างไร

ขณะเดียวกัน ต้องติดตามการเจรจา Brexit ระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรปว่าจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้หรือไม่ เพราะ หากไม่สามารถมีข้อตกลงร่วมกันได้ เงินบาทก็มีโอกาสจะอ่อนค่าตามเงินปอนด์ได้

"สัปดาห์หน้า ประชุม กนง.คงต้องดูว่าจะให้มุมมองเศรษฐกิจอย่างไร ส่วนอัตราดอกเบี้ยเชื่อว่าจะคงไว้เท่าเดิม นอกจากนี้ ต้องรอดูดีลเรื่อง Brexit ด้วย ถ้าไม่สำเร็จ เงินบาทก็มีโอกาสจะอ่อนตามค่าเงินปอนด์ได้เล็กน้อย" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.50-30.00 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.52/55 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 103.18 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2248/2251 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2255 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,482.38 จุด ลดลง 1.51 จุด (-0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 117,096 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 5,594.10 ลบ.(SET+MAI)
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP)
ของไทยในปีนี้เป็น -6.3% ดีขึ้นจากการประมาณในครั้งก่อน (ส.ค.63) ที่ระดับ -9.4% ขณะที่คาดว่า GDP ในปี 64 จะพลิกกลับมาเติบ
โตได้ที่ 2.8% โดยมีปัจจัยหนุนจากการพัฒนาวัคซีนโควิดที่มีความก้าวหน้า, เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด, ภาครัฐออกมาตรการเยียวยา
และกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง, ธนาคารกลางทั่วโลกใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
  • ม.หอการค้าไทย คาดว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ จะยังคงอัตราดอกเบี้ย
นโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว พร้อมมองว่าไม่มีเหตุผลที่ กนง.จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
เพื่อดูแลสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่า อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันถือว่าเพียงพอสำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยแล้ว
  • ม.หอการค้าไทย คาดว่าสถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยในปี 64 จะลดลงจากปีนี้ และแม้จะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 80% ของ
จีดีพีก็ตาม แต่ก็ยังไม่เป็นประเด็นที่น่ากังวล เนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นในปีนี้มาจากผลชั่วคราวของสถานการณ์โควิด ที่ทำให้ประชาชน
จำเป็นต้องก่อหนี้เพิ่มเพื่อรักษาสภาพคล่อง โดยคาดว่าหนี้ครัวเรือนจะลดลงต่ำกว่าระดับ 80% ได้ในปี 65
  • สัปดาห์หน้า ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งตลาดคาดว่ารอบนี้ กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ย
ไว้เท่าเดิมที่ 0.50% แต่ต้องติดตามว่า กนง.จะประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 64 ในมุมมองอย่างไร
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษในการประชุมวันนี้ นอกจากนี้ BOJ ยังได้เข้า
ซื้อหุ้นกู้ และตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น (Commercial Paper) จากสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าระบบธนาคารจะ
มีสภาพคล่องที่เพียงพอ
  • รัฐบาลญี่ปุ่น ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ในปีงบประมาณ 2564 สู่ระดับ 4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยคาดว่า
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่รัฐบาลประกาศใช้ล่าสุดนี้ จะช่วยพยุงเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวสู่
ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดได้
  • สัปดาห์หน้าสหรัฐฯ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย., ตัวเลข
GDP ไตรมาส 3/63 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้
บริโภคเดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ