นายฟิลลิป สวาเกล รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ กล่าวว่า วิกฤตการณ์ซับไพรม์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสภาวะสินเชื่อตึงตัว มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังปี 2550 อย่างไรก็ดี สวาเกล กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจหดตัวจากปัญหาสินเชื่อตึงตัวนั้น ไม่น่าจะรุนแรงจนเกินไป และอาจเป็นสาเหตุให้เศรษฐกิจขยายตัวลดลงเพียงเล็กน้อยมากๆ "ผมไม่คิดว่าจะมีใครฝันถึงการขยายตัวที่ระดับ 4%" เขากล่าวถึงตัวเลขการเติบโตไตรมาส 2 ที่ผ่านการทบทวนแล้ว เขากล่าวต่อไปว่า กระทรวงการคลังจะคาดการณ์เศรษฐกิจครั้งต่อไปในเดือนธันวาคม โดยคาดการณ์เติบโตที่ระดับสูงสุดที่ 3% ได้ถูกปรับลดลงมาเหลือ 2.0% หรือ 2.5% สวาเกล กล่าวว่า อัตราการว่างงานภาครัฐในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การจ้างงานลดลง และอัตราการว่างงานเหล่านี้สาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัจจัยปกติประจำฤดูกาล และไม่ได้เป็นผลสะท้อนจากเศรษฐกิจระดับมหภาคแต่อย่างใด กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานภาครัฐบาลลดลง 52,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคมลดลง 28 ตำแหน่ง นอกจากนี้ เขากล่าวว่า ขณะที่แรงงานสหรัฐลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม มีสาเหตุส่วนใหญ่จากวัยรุ่นเริ่มเปิดเทอมในเดือนสิงหาคม โดยแรงงานเดือนสิงหาคมลดลง 1.3 ล้านคน ขณะที่ จำนวนแรงงานที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะสะท้อนให้เห็นว่า แรงงานบางส่วนออกจากตลาดแรงงานเพราะพวกเขาหางานไม่ได้ นักเศรษศาสตร์เชื่อว่า แรงงานสหรัฐจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากคนรุ่น "เบบี้ บูม" ที่ทยอยเกษียณอายุ สวาเกล แสดงความคิดเห็นว่า เศรษฐกิจโลกที่กำลังขยายตัว มีแนวโน้มว่าจะสนับสนุนการส่งออก และคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐให้สูงขึ้น รวมทั้งค่าแรงจริงก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เขาเชื่อว่า วิกฤตการณ์สินเชื่อจะไม่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจมหภาค อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่า ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวไปอีกช่วงระยะหนึ่ง และแผนการณ์ของรัฐบาลในการช่วยให้ผู้คนรักษาบ้านของตัวเองไว้ได้ ไม่น่าจะช่วยเหลือทุกคนที่เผชิญกับปัญหาซับไพรม์ได้