รมว.คลัง ชี้แม้โควิดกระทบศก.ไทย แต่มั่นใจรัฐบาลมีมาตรการรองรับเพียงพอ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 21, 2021 18:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รมว.คลัง ชี้แม้โควิดกระทบศก.ไทย แต่มั่นใจรัฐบาลมีมาตรการรองรับเพียงพอ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่รัฐบาลก็ได้ออกมาตรการเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการชิมช็อปใช้ โครงการคนละครึ่ง ที่กระตุ้นให้คนใช้จ่าย ส่วนโครงการบรรเทาความเดือดร้อนหรือเยียวยา จะจำกัดให้ตรงและครอบคลุมกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ และไม่ซ้ำซ้อน

โดยในภาคประชาชนนั้น รัฐบาลเน้นมาตรการระยะสั้นที่เข้าไปช่วยเหลือในเรื่องของการเสริมรายได้หรือการลดค่าใช้จ่าย ส่วนผู้ประกอบการ มีมาตรการที่กระทรวงการคลังทำร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเรื่องของการพักชำระหนี้ และการเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี ในส่วนงบประมาณเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ได้ใช้ไปกับการเยียวยาประมาณ 390,000 ล้านบาท งบฟื้นฟูใช้ไปเพียงแค่ประมาณ 120,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นยังมีเงินเหลืออยู่ และมาตรการเราชนะ 3,500 บาท/คน/เดือน ก็จะใช้อีกประมาณ 200,000 ล้านกว่าบาท ซึ่งจะใช้จากงบเงินกู้ จึงจะไม่กระทบการใช้เงินงบประมาณ

"ปัจจัยบวกที่ทำให้มีกำลังใจ คือ วัคซีน ซึ่งมีความชัดเจนแล้วว่าประเทศไทยมีการจองซื้อวัคซีนแล้ว และมีปริมาณเพียงพอ โดยล็อตแรกจะมาประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้ และจะมีการผลิตเองในประเทศไทย เพื่อส่งกลับให้ประเทศต้นทาง แล้วขยายกำลังการผลิตเพื่อใช้ให้พอภายในประเทศ ตามที่รัฐบาลรับประกันว่าจะมีพอให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง รวมถึงจะขยายไปถึงประเทศเพื่อนบ้านตามลำดับ เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศเดินหน้าต่อไปได้" รมว.คลัง กล่าว ในงาน The Year Ahead 2021 ที่จัดโดย บล.เกียรตินาคินภัทร

รมว.คลัง ยังกล่าวด้วยว่า หากเกิดกรณีที่แย่ที่สุดคือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยืดเยื้อและกระจายวงกว้างนั้น นโยบายที่สำคัญ คือ เรื่องการเงินกับการคลัง ซึ่งนโยบายการเงินได้ผ่อนคลายลงเพื่อให้คลังใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นแล้ว และช่องว่างที่ทำให้การคลังใช้จ่ายได้ยังมีอยู่ ถ้ามีความจำเป็นก็สามารถทำได้ การก่อหนี้ของไทยล่าสุดอยู่ที่ 50% ซึ่งไทยมีเพดานสูงสุดถึง 60% หากมีความจำเป็นจริงๆ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ก็เปิดให้ยกเพดานการก่อหนี้ให้สูงขึ้นได้อีก จึงเชื่อว่ามาตรการที่กล่าวมา น่าจะเพียงพอที่จะช่วยให้รับมือได้ แต่หากไม่เพียงพอ ก็อาจจะมีมาตรการเสริมออกมาอีก

สำหรับแนวนโยบายในโลกหลังโควิด-19 หรือที่เรียกว่ายุค New Normal นั้น นโยบายของรัฐบาลมุ่งไปทางเดียวคือการพัฒนาที่ยั่งยืน สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คือเรื่องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นการลงทุนด้านรถไฟฟ้า ทั้งในกรุงเทพฯ ระหว่างจังหวัด และระหว่างประเทศ เป็นการเชื่อมแบบไร้รอยต่อ การปรับปรุงสนามบิน การมุ่งพัฒนาและลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่อีอีซี เรื่องการพัฒนาความรู้ด้านดิจิทัล ทั้งในอุตสาหกรรมขนาดเล็กและใหญ่ และของรัฐ เน้นในเรื่องของ Digital Transformation การนำดิจิทัลมาใช้ในการทำงานทั้งหมด และเรื่อง Green Infrastructure เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และเรื่องของสุขภาพ ซึ่งรัฐมองว่าเหล่านี้เป็นอุตสาหกรรมที่จะเปลี่ยนโฉมประเทศไทย

"สิ่งที่ไทยเจอ คืออันดับความสามารถในโครงสร้างพื้นฐานของไทยไม่ได้อยู่ในอันดับต้นๆ ของอาเซียน รัฐจึงจะมุ่งขับเคลื่อนตรงนี้ โดยขอให้ประชาชนและนักลงทุนมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่หยุด ถึงแม้จะเจอวิกฤติ ก็จะไม่หยุดพัฒนาประเทศในระยะยาว ในกฎหมายงบประมาณ ก็มีกำหนดไว้ว่าต้องมีประมาณ 20% สำหรับการจัดสรรงบประมาณการลงทุนให้กับประเทศ ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าเต็มที่ตามแผน" รมว.คลังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ