นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 29.98 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วงเช้า ที่เปิดตลาดที่ระดับ 29.96 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทค่อนข้างทรงตัว การทำ new high ของแต่ละวันเริ่มลงลึกไปเรื่อยๆ โดยนักลงทุนรอดูปัจจัยผลประชุมธนาคาร กลางสหรัฐ (เฟด) คืนนี้ ซึ่งเชื่อว่าคงจะส่งสัญญาณในการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่องไปก่อน เพราะสถานการณ์การระบาด ของไวรัสโควิด-19 ในทั่วโลกยังเป็นปัจจัยที่ท้าทายต่อเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
นักบริหารเงินคาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.70 - 30.10 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.79 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 103.62 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2123 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2164 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,498.13 จุด ลดลง 14.70 จุด (-0.97%) มูลค่าการซื้อขาย 78,818 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 4,830.82 ลบ.(SET+MAI)
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ธ.ค.อยู่ที่ระดับ 96.53 หดตัว -2.44 % เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
- ยอดรวมการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในปี 63 มีทั้งสิ้น 63,340 ราย ลดลง 8,145 ราย หรือลดลง 11% เมื่อเทียบกับปี 62 ที่มี
สำหรับในปี 2564 กรมฯ ตั้งเป้าหมายจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ที่ 64,000-66,000 ราย เพราะหลายฝ่ายประเมินเศรษฐกิจ ไทยในปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีการลงทุนทำธุรกิจมากขึ้น
- ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า
- ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่า การซื้อกองทุน ETF (exchange-traded funds) ของ
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีอยู่ที่ระดับ -15.6 ในเดือนก.พ. ลดลงจากระดับ -7.5 ในเดือนม.ค. นับเป็นการลด
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.976% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 21 เดือนในวันนี้ โดยการ
พุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะเริ่มหันไปใช้
นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาหุ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์