นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 29.97 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดเมื่อ เช้าที่ระดับ 29.92 บาท/ดอลลาร์
โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 29.88-29.98 บาท/ดอลลาร์ หลังมีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามาในตลาด
"ระหว่างวัน เงินบาทแกว่งตัวตามแรงซื้อขาย และปิดตลาดที่ระดับเกือบอ่อนค่าสุดของวัน หลังมีแรงซื้อดอลลาร์" นักบริหารเงินกล่าว
โดยคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สนใจ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือน ม.ค.ของ สหรัฐ, ดัชนีภาคการผลิตเดือน ม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และ การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน ธ.ค.ของสหรัฐ
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 29.00-30.05 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.85 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 104.68 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2091 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.2123 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,478.05 จุด เพิ่มขึ้น 11.07 จุด, (+0.75%) มูลค่าการซื้อขาย 77,818 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,761.48 ล้านบาท (SET+MAI)
- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เผยในปี 64 ได้ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อเป็นผลสำเร็จด้วย
ยอดการค้ำประกันสินเชื่อสะสมทะลุ 1 ล้านล้านบาท ณ วันที่ 29 มกราคม 2564 ด้วยวงเงิน 1,000,493 ล้านบาท โดยบรรลุเป้าหมายเร็วกว่า
แผนงานเดิม 2 ปี นับจากเดิมที่ บสย.เคยประกาศไว้ในปี 2561 โดยตั้งเป้าครบล้านล้านบาทภายในปี 2566
- กระทรวงพาณิชย์ เผยที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียนผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งบรูไนดารุสซาลามทำหน้าที่
ประธานได้หารือแผนการทำงานด้านเศรษฐกิจที่อาเซียนจะดำเนินการให้สำเร็จในปี 2564 โดยจะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โค
วิด-19 คลี่คลาย
- กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมเร่งผลักดันให้ 9 ประเทศในอาเซียนบรรลุข้อตกลงในการยอมรับมาตรฐานสินค้าของกันและกัน
โดยเบื้องต้นเน้น 4 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ไทยเป็นเจ้าตลาดอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วนยาง และวัสดุ
ก่อสร้าง ให้สามารถค้าขายในอาเซียนได้โดยไร้อุปสรรคทางการค้า
- สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) คาด ธปท.จะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจากเดิมจะขยายตัวที่ 3.2% ลงจาก
ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น และ กนง.น่าจะพิจารณาลดดอกเบี้ยลง 0.25% พร้อมอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม หรือทำ QE คล้ายการซื้อ
พันธบัตรรัฐบาล เพื่อเพิ่มวงเงินในระบบเพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิต จูงใจให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม
- กองทัพเมียนมา ได้เข้ายึดอำนาจของรัฐบาลแล้วในวันนี้ พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 1 ปี หลังจากที่ได้บุก
ควบคุมตัวนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา และนายวิน มิ่นท์ ประธานาธิบดีเมียนมา ซึ่งองค์การสหประชาชาติและรัฐบาลหลาย
ประเทศออกมาแสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
- ธนาคารกลางจีนได้ดำเนินการทางการเงินผ่านข้อตกลง reverse repos มูลค่า 1 แสนล้านหยวน (1.547 หมื่นล้าน
ดอลลาร์) ในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ โดยมีข้อตกลง reverse repos มูลค่า 2 พันล้านหยวนที่ครบกำหนด
ไถ่ถอน จึงเท่ากับว่าแบงก์ชาติจีนได้อัดฉีดเงินสุทธิ 9.8 หมื่นล้านหยวนเข้าสู่ตลาด
- สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) รายงานว่ายอดค้าปลีกเดือน ธ.ค.ปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจาก
การตัดสินใจยกระดับมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคหยุดชะงัก